นวัตกรรมอุปกรณ์การวัดระยะทางเพื่อประยุกต์ใช้ในการแข่งขัน กรีฑาประเภทลาน (กระโดดไกล)

Main Article Content

อริญชย์ พรหมเทพ
กรีฑา พรหมเทพ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อออกแบบนวัตกรรมอุปกรณ์การวัดระยะทางเพื่อประยุกต์ใช้ในแข่งขันกระโดดไกล 2) เพื่อหาประสิทธิภาพนวัตกรรมอุปกรณ์การวัดระยะทางเพื่อประยุกต์ใช้ใน การแข่งขัน กระโดดไกล ในการนี้ผู้วิจัยได้ทำการออกแบบและตกผลึกทางความคิดโดยการนำเอาอะคริลิคมาใช้ในการทำนวัตกรรม เนื่องจากน้ำหนักเบาและแข็งแรง โดยใช้ทฤษฎีและหลักการสร้างเครื่องมือซึ่งจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ มีการวางแผนล่วงหน้า และดำเนินการทดสอบใช้เครื่องมือทดสอบ ตลอดจนประเมินผลเพื่อการปรับปรุงแก้ไข โดยมีระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาออกแบบนวัตกรรมอุปกรณ์การวัดระยะเพื่อประยุกต์ใช้การวัดระยะ ทางและหาคุณภาพของอุปกรณ์ดังนี้ โดยวิธีของโรวิเนลลี่และแฮมเบิลตัน ให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน พิจารณาคุณสมบัติของนวัตกรรมอุปกรณ์การวัดระยะ แล้วนำมาคำนวณหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างนวัตกรรมเครื่องวัดระยะทางการแข่งขันกระโดดไกลกับจุดประสงค์ ของการให้คะแนนของผู้เชี่ยวชาญและความเชื่อถือได้และได้ทำการปรับปรุงแก้ไขแล้วไปทดสอบความคงที่ของระยะทางโดยทำการวัดเปรียบเทียบรายคู่ ระหว่างนวัตกรรมเครื่องวัดระยะทางการแข่งขันกระโดดไกลกับตลับเมตร ผลการวิจัยพบว่า มีค่าดัชนีความสอดคล้องกับระยะทางของตลับเมตรเท่ากับ 1.00 ทุกรายการ และมีความเที่ยงตรงเฉพาะหน้า มีค่ามากกว่า 0.5 และเมื่อนำนวัตกรรมอุปกรณ์การวัดระยะเพื่อประยุกต์ใช้การวัดระยะทางการแข่งขันกระโดดไกลและตลับเมตรมาทดสอบสนามแข่งขันจริง ปรากฏว่าการทดสอบของเครื่องมือทั้ง 2 ชนิด ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ ซึ่งมีความแม่นยำและสามารถใช้ในการแข่งขันได้ตามมาตรฐานสากล

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
[1]
พรหมเทพ อ. และ พรหมเทพ ก., “นวัตกรรมอุปกรณ์การวัดระยะทางเพื่อประยุกต์ใช้ในการแข่งขัน กรีฑาประเภทลาน (กระโดดไกล)”, J of Ind. Tech. UBRU, ปี 15, ฉบับที่ 2, น. 29–40, ต.ค. 2025.
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

K. Promthep, Athletics Skills, and Techniques, 1st ed. Udon Thani: Sri Aksorn Printing House, 2016. (in Thai)

Sports Authority of Thailand, Athletics Rules, Bangkok: Sports Academic Division Sports Authority of Thailand, 2015. (in Thai)

K. Promthep and P. Mekkamol, “Development of a Computer Program for Judging Field Athletics. A kind of distance judgment,” Journal of Buddhist Social Sciences and Anthropology, vol. 7, no. 4, pp. 412–424, Apr. 2022.

R. Vanessa, Innovation and Entrepreneurship in Sport Management, Glos, UK: Edward Elgar Publishing Limited, 2021.

R. J. Rovinelli and R. K. Hambleton, “On the use of content specialists in the assessment of criterion referenced test item validity,” Tijdschrift voor Onderwijsresearch, vol. 2, no. 2, pp. 49-60, 1997.

P. Wongyutkrai, O. Sukwan and P. Kakonsan, “Energy preservation using air condition together with fans,” Journal of Industrial Studies, vol. 3, no. 2, pp 65-71, 2009.

K. Kayan, C. Chobthammasakul, and C. Hongsuwan, “Physical Education and Recreation,” Journal of Health Education, vol. 48, no. 1, 2022.

Z. J. Zachman, A. D. Traina, J. C. Keating, S. T. Bolles, and L. Braun-Porter, “Interexaminer reliability and concurrent validity of two instrument for the measurement of cervical ranges of motion,” Journal Manipulative Physiology, vol. 12, no. 3, pp 205-210, Jun. 1989.

A. Deemainoy, “A Construction of the Device (TG1.1) for Training Accuracy in Throwing the Sepaktakraw Ball Skills,” Journal of Roi-Et Rajabhat University, vol. 12, July. 2018, ISSN 1905-6036.

N. Hyamwilai, L, Panyakaewand, and K. R. Rangubhet “Innovation model of Volleyball Shooting Machine.” Journal of Science and Technology, vol. 2, no 2, pp 9-21, July – December. 2021.