การทดสอบประกายไฟโดยใช้เครื่องเจียระไนแบบมือถือและเทียบเคียงลักษณะประกายไฟกับมาตรฐาน JIS G 0566: 1980
คำสำคัญ:
การทดสอบประกายไฟ, JIS G 0566, 1980, Spark Testบทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการทดสอบประกายไฟโดยใช้เครื่องเจียระไนแบบมือถือและเทียบเคียงลักษณะประกายไฟกับมาตรฐานการทดสอบประกายไฟ JIS G 0566: 1980 จากการศึกษาพบว่า หัวเจียระไนที่เหมาะสมต่อการทดสอบคือแบบทรงกระบอกและทรงกลม ค่ามุมเอียงที่เหมาะสมคือ 45 - 60 องศา จะได้ความยาวเส้นลำแสงประกายไฟของเหล็กกล้า JIS SS400 และ JIS S45C มีความยาวสูงสุดเฉลี่ย 110 เซนติเมตร ส่วนเหล็กกล้า JIS SKD11 มีความยาวสูงสุดเฉลี่ย 30 เซนติเมตร เมื่อนำภาพถ่ายการทดสอบประกายไฟมาเทียบเคียงกับมาตรฐาน JIS G 0566: 1980 พบว่า มีลักษณะเส้นลำแสงและลักษณะการแตกประกายอันมีลักษณะเฉพาะที่เกิดจากอิทธิพลของธาตุเจือมีความคล้ายคลึงกันอย่างเด่นชัด จากการทดสอบประกายไฟโดยผู้ทดสอบ 10 คน ทำการทดสอบประกายไฟเพื่อระบุชนิดของเหล็กกล้าคนละ 3 ชนิด รวมการทดสอบทั้งหมด 30 ครั้ง มีผู้ตอบถูกต้อง 9 คน ตอบผิดพลาด 1 คน รวมจำนวนความถูกต้องจากการทดสอบ 28 ครั้ง คิดเป็นความถูกต้องของการทดสอบประกายไฟโดยใช้เครื่องเจียระไนแบบมือถือประมาณ 93%
SPARK TEST BY HAND GRIDING AND COMPARE SPARK CHARACTERISTIC WITH JIS G 0566: 1980
This article describes for studying of the spark tests by using a hand grinding and comparing a spark’s characteristic with JIS G 0566: 1980. The study shows that a good grinding head is a cylindrical and circular shape with a bevel angle 45-60 degree. In this condition the average maximum length of the stream line for JIS SS400 and JIS S45C is 110 cm. however in JIS SKD11 is 30 cm. Hence when using a spark test photograph compare with JIS G 0566: 1980 the spark’s characteristic of streamline and alloying element effective shape is clearly resemble. From spark test experimental in 10 men with 3 steel type identification of 30 testing its correct 9 men and incorrect 1 man. Therefore the total of correction is 28 testing, it’s correction effective of a spark testing by using a hand grinding approximately 93%
Downloads
ฉบับ
บท
License
ลิขสิทธิ์
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวิศวกรรมสารเกษมบัณฑิต ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ห้ามนำข้อความทั้งหมดไปตีพิมพ์ซ้ำ ยกเว้นได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตแล้ว
ความรับผิดชอบ
หากบทความที่ได้รับการตีพิมพ์นั้นเป็นบทความที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นหรือมีความไม่ถูกต้องในเนื้อหาของบทความ ผู้เขียนบทความนั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบ