ผลของการสนับสนุนการจัดการตนเองผ่านการติดตามสุขภาพทางไกลต่อพฤติกรรม การบริโภคอาหาร ความสม่ำเสมอในการรับประทานยาเสริมธาติเหล็ก และระดับความเข้มขนของเลือกในสตรีตั้งครรภ์ที่รับบริการจากโรงพยาบาลเชียงดาว

Main Article Content

วนัทปรียา ใจติขะ

บทคัดย่อ

        การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอุบัติการณ์ภาวะโลหิตจาง และเปรียบเทียบพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ความสม่ำเสมอในการรับประทานยาเสริมธาตุเหล็ก และระดับฮีมาโตคริตในสตรีตั้งครรภ์ผู้รับบริการที่โรงพยาบาลเชียงดาว เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบหนึ่งกลุ่มวัดก่อนและหลัง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ สตรีตั้งครรภ์ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลเชียงดาวที่มีระดับฮีมาโตคริตของเลือด มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 33 และมีอายุครรภ์ก่อนเริ่มดำเนินการวิจัยน้อยกว่า 16 สัปดาห์ ใช้วิธีการสุ่มอย่างง่ายและมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด จำนวน 15 คน ศึกษาเป็นเวลา 20 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ใช้ค่าสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน และสถิติทดสอบ Wilcoxon signed-rank test และ Paired t-test ผลการวิจัยพบ อุบัติการณ์ของภาวะโลหิตจางใหม่ในหญิงตั้งครรภ์คิดเป็นร้อยละ 13.33 (95% CI = 1.7– 40.5) คะแนนพฤติกรรมการบริโภคอาหารหลังเข้าร่วมการทดลองในสัปดาห์ที่ 12 และสัปดาห์ที่ 20 สูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Z = 3.420, p = .001) ทั้งสองช่วงเวลา ความสม่ำเสมอในการรับประทานยาหลังการเข้าร่วมการทดลองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับก่อนการทดลอง ในสัปดาห์ที่ 4, 12, 16 และ 20 มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Z = 2.014, p = .044; Z = 2.014, p = .044; Z = 2.060, p = .039; Z = 2.060, p = .039) ตามลำดับ ส่วนในสัปดาห์ที่ 8 พบแนวโน้มคะแนนสูงขึ้นแต่ไม่ถึงระดับนัยสำคัญทางสถิติ (Z = 1.890, p = .059) และระดับฮีมาโตคริตหลังการทดลองไม่แตกต่างจากก่อนการทดลอง (t = 1.11, p = .282) ทั้งนี้ การสนับสนุนการจัดการตนเองผ่านระบบการติดตามสุขภาพทางไกลเป็นแนวทางที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของสตรีตั้งครรภ์ในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันภาวะโลหิตจางได้อย่างมีประสิทธิภาพ รูปแบบการดูแลดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการให้บริการแก่สตรีตั้งครรภ์ในสถานบริการสุขภาพได้อย่างเหมาะสม และเนื่องจากภาวะโลหิตจางในสตรีตั้งครรภ์เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของคุณภาพบริการของโรงพยาบาลชุมชน แนวทางดังกล่าวจึงสามารถสนับสนุนการกำหนดนโยบายและการพัฒนาคุณภาพขององค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ใจติขะ ว. . (2025). ผลของการสนับสนุนการจัดการตนเองผ่านการติดตามสุขภาพทางไกลต่อพฤติกรรม การบริโภคอาหาร ความสม่ำเสมอในการรับประทานยาเสริมธาติเหล็ก และระดับความเข้มขนของเลือกในสตรีตั้งครรภ์ที่รับบริการจากโรงพยาบาลเชียงดาว. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, 20(2), 97–113. สืบค้น จาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/uruj/article/view/263717
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมอนามัย. (2564). การป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก [Video]. Facebook. ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี. https://www.facebook.com/anamai5ratchaburi/videos/878091879766103/?extid=CL-UNK-UNK-UNK-IOS_GK0T-GK1C&ref=sharing

กรมอนามัย. (2565). ป้องกันภาวะโลหิตจาง [Video]. YouTube. ศูนย์อนามัยที่ 8 อุดรธานี. https://www.youtube.com/watch?v=rngsemOAmGA

กรมอนามัย. (2566). คู่มือแนวทางควบคุมและป้องกันภาวะโลหิตจาง. กรม. https://nutrition2.anamai.moph.go.th/th/book/download/?did=213240&id=104798&reloa

กระทรวงสาธารณสุข. (2566). ระบบสารสนเทศสนับสนุนงานส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม (DOH DASHBOARD) ภาวะโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ ระดับเขตสุขภาพ. กองแผนงาน กรมอนามัย. https://dashboard.anamai.moph.go.th/dashboard/anemia/index?year=2023

โรงพยาบาลรามาธิบดี. คณะแพทย์ศาสตร์. (2560). เสริมธาตุเหล็ก บำรุงโลหิต ใช้อย่างไรให้พอเหมาะ [Video]. YouTube. https://www.youtube.com/watch?v=UyrY1RHe5ko

จิตตระการ ศุกร์ดี และภูษิตา ครุธดิลกานนท์. (2563). บทบาทพยาบาลในการดูแลสตรีตั้งครรภ์วัยรุ่นที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 14(2), 1–11. https://he01.tci-thaijo.org/index.php/NurseNu/article/view/241779

จรินทร์ทิพย์ สมประเสริฐ และจีรพรรณ โพธิ์สุวัฒนากุล. (2565). ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก. พี.เอ.ลิฟวิ่ง.

ประภาภรณ์ เพชรมาก และวิชุดา ศรีวรสาร. (2566). ประสิทธิผลของโปรแกรมการสอนโรงเรียนพ่อแม่จิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในหญิงตั้งครรภ์แรก โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม. วารสารสาธารณสุขและสุขภาพศึกษา, 3(3), 1-14. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjphe/article/view/263603

ปรีดี นุกุลสมปรารถนา. (2564). จำนวน Sample Size ที่เหมาะกับการทำ Research. Popticles. https://www.popticles.com/marketing/research-sample-size/

พันธุ์ทิพย์ ภักดีพัฒนาทร และประยูร ภักดีพัฒนาทร. (2567). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้ต่อความรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์เพื่อลดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน, 9(4), 459–470. https://he03.tci-thaijo.org/index.php/ech/article/view/3075

มุก อิงคประเสริฐ และสมสกูล นีละสมิต. (2567). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้เรื่องภาวะโลหิตจางร่วมกับการสนับสนุนจากครอบครัวแบบออนไลน์ต่อการรับรู้เกี่ยวกับภาวะโลหิตจาง พฤติกรรมการรับประทานอาหารและยาเสริมธาตุเหล็กของสตรีตั้งครรภ์วัยรุ่นในโรงพยาบาลชุมชน. วารสารการพยาบาลสุขภาพและการศึกษา, 7(2), 42-54. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/NHEJ/article/view/270226

โรงพยาบาลเชียงดาว. (2568). รายงานภาวะโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ ปี พ.ศ. 2565–2567 [รายงาน]. โรงพยาบาล.

ศรัณยา ลาโมะ, สุนันทา ยังวนิชเศรษฐ, และเบญญาภา ธิติมาพงษ์. (2564). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมโภชนาการต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารและยาเสริมธาตุเหล็กในหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นที่มีภาวะโลหิตจาง. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 31(1), 224-236. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tnaph/article/view/250710

สาริศา สืบจากดี และรุจิพัชญ์ เพ็ชร์สินเดชากุล. (2567). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพการดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กที่มาฝากครรภ์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 3. วารสารศูนย์อนามัยที่ 10, 12(2), 88-103. https://he03.tci-thaijo.org/index.php/HPC10Journal/article/view/3262

สุรางรัตน์ โฆษิตธนสาร, วิไลลักษณ์ ปิยะวัฒนพงษ์, นงลักษณ์ แสนกิตะ, และอภัสรา มาประจักษ์. (2564). ประสิทธิผลของโปรแกรมการสอนโรงเรียนพ่อแม่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในหญิงตั้งครรภ์แรก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น. วารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น, 13(1), 74-87. https://he01.tci-thaijo.org/index.php/johpc7/article/view/251280

Alam, M., Banwell, C., & Lokuge, K. (2020). The effect of women’s differential access to messages on their adoption of mobile health services and pregnancy behavior in Bangladesh: Retrospective cross-sectional study. JMIR mHealth and uHealth, 8(7), e17665. https://doi.org/10.2196/17665

American College of Obstetricians and Gynecologists. (2021). Anemia in pregnancy: ACOG Practice bulletin, number 233. Obstetrics and Gynecology, 138(2), e55–e64. https://doi.org/10.1097/AOG.0000000000004477

Atkinson, J., Hastie, R., Walker, S., Lindquist, A., & Tong, S. (2023). Telehealth in antenatal care: recent insights and advances. BMC Med, 21,332. https://doi.org/10.1186/s12916-023-03042-y

Bernard, R. (2000). Fundamentals of biostatistics (5th ed.). Thomson learning.

Brunken, G. S., De França, G. V. A., Luiz, R. R., & Szarfarc, S. C. (2016). Agreement assessment between hemoglobin and hematocrit to detect anemia prevalence in children less than 5 years old. Cadernos Saúde Coletiva, 24(1), 118-123. https://doi.org/10.1590/1414-462X201600010x01

Cohen, J. (1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences (2nd ed.). Lawrence Erlbaum Associates.

Insiripong, S., Supattarobol, T., & Jetsrisuparb, A. (2013). Comparison of hematocrit/hemoglobin ratios in subjects with alpha-thalassemia, with subjects having chronic kidney disease and normal subjects. The Southeast Asian journal of tropical medicine and public health, 44(4), 707–711.

Kanfer, F. H., & Gaelick-Buys, L. (1991). Self-management methods. In F. H. Kanfer & A. P. Goldstein (Eds.), Helping people change: A textbook of methods (4th ed., pp.305–360). Pergamon Press.

Knop, M. R., Nagashima-Hayashi, M., Lin, R., Saing C. H., Ung, M., Oy, S., Yan, E. L. Y., Zahari, M., & Yi, S. (2024). Impact of mHealth interventions on maternal, newborn, and child health from conception to 24 months postpartum in low- and middle-income countries: A systematic review. BMC Medicine, 22, 196. https://doi.org/10.1186/s12916-024-03417-9

Kim, H., & Park, E. (2023). Effectiveness of telehealth-based interventions on maternal health outcomes during pregnancy: A systematic review. Journal of Telemedicine and Telecare, 29(3), 120–133.

Mangkalard, P., Ruekngarm, L., & Ponta, S. (2022). Effects of nutrition counselling on iron deficiency anemia in pregnancy. Life Sciences, Medicine and Biomedicine, 6(1). https://doi.org/10.28916/lsmb.6.1.2022.104

Mishra, M., Parida, D., Murmu, J., Singh, D., Rehman, T., Kshatri, J. S., & Pati, S. (2023). Effectiveness of mHealth interventions for monitoring antenatal care among pregnant women in low- and middle-income countries: A systematic review and meta-analysis. Healthcare, 11(19), 2635. https://doi.org/10.3390/healthcare11192635

Ngamjarus, C., & Chongsuvivatwong, V. (2014). n4Studies: Sample size and power calculations for android. The Royal Golden Jubilee Ph.D. Program, The Thailand Research Fund & Prince of Songkla University.

Rahman, M. O., Yamaji, N., Nagamatsu, Y., & Ota, E. (2022). Effects of mHealth interventions on improving antenatal care visits and skilled delivery care in low-and middle-income countries: Systematic review and meta-analysis. J Med Internet Res, 24(4), e34061.

Srisai, R., Thinkhamrop, J., Chaiyarach, S., & Kreetiyutanont, S. (2021). Compliance of iron supplementation during pregnancy. Srinagarind Medical Journal, 36(5), 527-533. https://thaidj.org/index.php/smnj/article/view/10990

Verma, P., & Roy, A. (2024). Iron deficiency anemia (IDA) in pregnancy: Prevalence and management. An International Journal of Research in AYUSH and Allied Systems, 11(3), 257-261. https://doi.org/10.47070/ayushdhara.v11i3.1614

World Health Organization. (2017). Nutritional anaemias: Tools for effective prevention and control. https://www.who.int/publications/i/item/9789241513067

World Health Organization. (2022). Consolidated telemedicine implementation guide. https://www.who.int/publications/i/item/9789240059184

World Health Organization. (2023). WHO guidance for the prevention and treatment of anaemia in pregnancy. WHO.

World Health Organization. (2025). Anaemia. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/anaemia