วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
สาขาขอบเขตเนื้อหาการตีพิมพ์
บทความวิจัยและบทความวิชาการที่ให้ความสำคัญในด้านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ทุกระดับ โดยผลการวิจัยนั้นต้องสามารถแสดงให้เห็นถึงการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริงในพื้นที่ สามารถขยายผลความสำเร็จไปยังพื้นที่อื่น หรือให้ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ ซึ่งมีขอบเขตดังนี้
- การจัดการเพื่อการพัฒนา
- สุขภาวะชุมชน
- เกษตรและอาหารเพื่อชุมชน
- ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- การจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมชุมชน
ประเภทบทความที่รับ
ตีพิมพ์ผลงาน 2 ประเภท คือ
- บทความวิจัย (Research article)
- บทความวิชาการ (Academic article)
การพิจารณาบทความ
บทความที่ได้รับการเผยแพร่ตีพิมพ์ในวารสารมีการตรวจสอบและพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer-reviews) จำนวน 3 ท่าน ต่อ 1 บทความ โดยผูัทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความที่มีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้จะมีรูปแบบที่ผู้พิจารณาบทความไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์บทความและผู้นิพนธ์บทความไม่ทราบชื่อผู้พิจารณาบทความเช่นเดียวกัน (Double-Blinded Peer review) ผ่านระบบ ThaiJO
กำหนดการตีพิมม์เผยแพร่
กำหนดตีพิมพ์เผยแพร่เป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ฉบับคือ
- ฉบับที่ 1 ช่วงเดือน มกราคม-มิถุนายน
- ฉบับที่ 2 ช่วงเดือน กรกฏาคม-ธันวาคม
ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์
วารสารจัดเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความ ต่อ 1 บทความ รายละเอียดดังนี้
- บุคคลภายนอก ค่าธรรมเนียม 4,500 บาท (สี่พันห้าร้อยบาทถ้วน)
- บุคคลภายในมหาวิทยาลัย (บุคลากรสายวิชาการ/สนับสนุน) ค่าธรรมเนียม ไม่เก็บค่าธรรมเนียม
- นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ค่าธรรมเนียม 3,500 บาท (สามพันห้าร้อยบาทถ้วน)
โดยจะเรียกเก็บเมื่อบทความของท่าน ได้รับการพิจาณาจากบรรณาธิการให้เข้าสู่กระบวนการส่งพิจารณาบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ โดยวารสารขอสงวนสิทธิ์คืนเงินกรณีบทความได้รับการปฏิเสธตีพิมพ์จากผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ จำนวน 2 ท่านจาก 3 ท่าน
นโยบายการดำเนินงานของวารสาร
- กองบรรณาธิการจะตรวจสอบหัวข้อและเนื้อหาของบทความถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของวารสารฯ รวมถึงประโยชน์ในเชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติ
- บทความที่ส่งเข้าระบบเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ จะผ่านการตรวจสอบการคัดลอกผลงานวิชาการ โดยใช้ระบบอักขราวิสุทธิ์ หรือระบบ CopyCatch หรือระบบ Turnitin อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ผลงานวิชาการที่มีเนื้อหาคล้ายกันสามารถยอมรับได้ต้องไม่เกินร้อยละ 25 ของผลงานทั้งหมด
- กรณีที่กองบรรณาธิการพิจารณาเห็นควรรับบทความไว้สำหรับพิจารณาตีพิมพ์ กองบรรณาธิการจะส่งบทความเพื่อทำการกลั่นกรองต่อไป โดยส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบคุณภาพของบทความว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่จะตีพิมพ์หรือไม่ สำหรับกระบวนการพิจารณากลั่นกรองนี้เป็นการประเมินบทความแบบสองทาง (Double-Blind Process) กล่าวคือ จะไม่เปิดเผยชื่อผู้ส่งบทความให้ผู้ทรงคุณวุฒิทราบ และจะไม่เปิดเผยชื่อผู้ทรงคุณวุฒิให้ผู้ส่งบทความทราบ รวมถึงกองบรรณาธิการจะไม่เปิดเผยทั้งชื่อผู้ส่งและชื่อผู้ทรงคุณวุฒิให้บุคคลอื่นทราบด้วยเช่นกัน
- ทั้งนี้เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณากลั่นกรองบทความแล้ว กองบรรณาธิการจะพิจารณาตัดสินโดยอิงตามคำตัดสินและข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิว่าบทความนั้น ๆ ควรได้รับการตีพิมพ์ หรือควรส่งกลับให้ผู้ส่งบทความเพื่อทำการแก้ไขก่อนพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง หรือปฏิเสธการตีพิมพ์
- ผู้เขียนบทความต้องยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กองบรรณาธิการวารสารกำหนด และยินยอมให้บรรณาธิการแก้ไขความสมบูรณ์ของบทความได้ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเผยแพร่
- การอนุมัติให้ลงตีพิมพ์ได้หรือไม่นั้น ผลการพิจารณาจากกองบรรณาธิการวารสารถือเป็นสิ้นสุด
นโยบายจริยธรรมวิจัยในมนุษย์และสัตว์ (Human and Animal Research Ethics Policy)
บทความจากงานวิจัยที่ส่งเข้ามารับการตีพิมพ์และเกี่ยวข้องกับการทำวิจัยในมนุษย์และสัตว์ ต้องได้รับการพิจารณารับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์หรือในสัตว์ ของสถาบันที่ดำเนินการหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย
นโยบายจริยธรรมการใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models: LLMs)
การใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ เช่น ChatGPT อนุญาตให้ใช้เฉพาะเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงถ้อยคำและการตรวจสอบความถูกต้องทางไวยากรณ์ในระหว่างกระบวนการจัดเตรียมต้นฉบับเท่านั้น โดยไม่มีการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ใดในการสร้างเนื้อหาต้นฉบับ วิเคราะห์ข้อมูล หรือสรุปผลการศึกษา ทั้งนี้ ผู้เขียนรับผิดชอบต่อความถูกต้อง ความครบถ้วน และความเป็นต้นฉบับของเนื้อหาทั้งหมดในบทความอย่างสมบูรณ์
หลักเกณฑ์การส่งบทความ และเอกสารประกอบการพิจารณาตีพิมพ์
การส่งบทความวิจัยหรือบทความวิชาการ พร้อมเอกสารประกอบต่าง ๆ เพื่อให้กองบรรณาธิการวารสารใช้ประกอบการพิจารณาบทความและประเมินคุณภาพทางวิชาการ มีรายละเอียดดังนี้
- บทความวิจัย หรือ บทความวิชาการ จัดทำในรูปแบบไฟล์เอกสาร Microsoft Word ตามรูปแบบที่วารสารกำหนด จำนวน 1 ชุด
- หนังสือขอส่งบทความเพื่อรับพิจารณาตีพิมพ์ หนังสือขอส่งบทความวิชาการ/วิจัย เพื่อรับพิจารณาตีพิมพ์
ในวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ จำนวน 1 ชุด
- หนังสือรับรองจริยธรรมการวิจัย สำเนาหนังสือรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์และสัตว์ จำนวน 1 ชุด
การเตรียมต้นฉบับบทความ
แนะนำให้ผู้เขียนบทความ ดาวน์โหลด “Template บทความวิจัย” หรือ Template บทความวิชาการ” ที่ดาวน์โหลดด้านขวามือของเว็บไซต์วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้
- การจัดเค้าโครงหน้ากระดาษ
ความยาวของบทความไม่เกิน 12 หน้ากระดาษ ขนาด A4 (นับรวมภาพ ตาราง และเอกสารอ้างอิง) การตั้งระยะขอบของหน้ากระดาษในแต่ละหน้ากำหนดจากขอบบน 3.81 เซนติเมตร ขอบล่าง 2.54 เซนติเมตร ขอบซ้าย 3.81 เซนติเมตร และขอบขวา 2.54 เซนติเมตร
- รูปแบบตัวอักษร และขนาดตัวอักษร
ใช้จัดพิมพ์ด้วยแบบอักษรไทยสารบรรณ พีเอสเค (TH SarabunPSK) เหมือนกันตลอดทั้งบทความ
2.1 ชื่อเรื่องบทความ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขนาดตัวอักษร 16 pt. (ตัวหนา) จัดกึ่งกลาง
2.2 ชื่อผู้เขียน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขนาดตัวอักษร 14 pt. (ตัวอักษรปกติ) จัดชิดขวา
2.3 ชื่อสังกัดหน่วยงานหรือมหาวิทยาลัย ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และ Corresponding Author e-mail: ขนาดตัวอักษร 14 pt. (ตัวอักษรปกติ) จัดชิดขวา
2.4 หัวข้อหลักบทความวิจัย (จัดชิดขอบซ้าย, ตัวหนา, ขนาดตัวอักษร 14 Point, ไม่ใส่ลำดับที่) กำหนดเรียงลำดับหัวข้อหลัก ดังนี้
(บทความภาษาไทย) / (บทความภาษาอังกฤษ)
บทนำ / Introduction
วัตถุประสงค์การวิจัย / Research Objectives
วิธีดำเนินการวิจัย / Research Methods
ผลการวิจัย / Research Results
อภิปรายผลการวิจัย / Discussion
สรุปผลการวิจัย และข้อเสนอแนะ / Conclusion and Suggestions
กิตติกรรมประกาศ / Acknowledgements
เอกสารอ้างอิง / References
2.5 หัวข้อหลักบทความวิชาการ (จัดชิดขอบซ้าย, ตัวหนา, ขนาดตัวอักษร 14 Point, ไม่ใส่ลำดับที่) กำหนดเรียงลำดับหัวข้อหลัก ดังนี้
(บทความภาษาไทย) / (บทความภาษาอังกฤษ)
บทนำ / Introduction
เนื้อเรื่อง (สามารถเริ่มเนื้อเรื่อง โดยไม่ต้องใส่หัวข้อ) / Body
บทสรุป / Conclusions
เอกสารอ้างอิง / References
ส่วนประกอบของบทความ
- ชื่อเรื่องบทความ
ชื่อเรื่องบทความ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ควรกะทัดรัดไม่ยาวจนเกินไป มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- ชื่อผู้เขียนและหน่วยงานต้นสังกัด
- ชื่อผู้เขียนและหน่วยงานต้นสังกัด (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) ระบุเฉพาะชื่อ และสกุล โดยใส่เครื่องหมายดอกจัน ( * ) เฉพาะผู้รับผิดชอบบทความ
- สถานที่ทำงาน (Affiliation) ระบุหน่วยงาน จังหวัด
- ผู้แต่งอีเมล (E-mail Address) ระบุเฉพาะผู้รับผิดชอบบทความและควรเป็นอีเมลของหน่วยงาน
- บทคัดย่อ (Abstract)
3.1 ความยาวคำ ไม่เกิน 400 คำ และคำสำคัญ (Keywords) 3-5 คำ (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
3.2 เนื้อความของบทคัดย่อภาษาไทยและบทคัดย่อภาษาอังกฤษ (Abstract) สรุปสาระสำคัญของงานวิจัย
ที่อ่านเข้าใจง่าย ตามลำดับดังนี้ ระบุวัตถุประสงค์การวิจัย ระบุระเบียบวิธีการวิจัย (โดยย่อ) แต่ต้องครอบคลุมเนื้อหา (ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือการวิจัย วิธีการรวบรวมข้อมูล และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล) ระบุผลการวิจัย ระบุการ
นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ หรือผลกระทบ (Impact) ของผลการวิจัย
- ส่วนเนื้อหา
- บทความวิจัย ควรเป็นการนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้า ข้อค้นพบ องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยซึ่งผู้วิจัย
ได้ดำเนินการมาอย่างเป็นระบบตามขั้นตอนของการวิจัย โดยควรมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ (สามารถมีหัวข้อหรือองค์ประกอบ
ที่แตกต่างได้)
- บทนำ (Introduction) ครอบคลุมความสำคัญและที่มาของปัญหาวิจัย
- วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Objectives) ข้อความที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่นักวิจัยต้องการศึกษา ที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจง และรายงานผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้
- วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology) ให้ระบุรูปแบบวิจัย (Research Design) อธิบายเครื่องมือและวิธีการดำเนินการวิจัยให้กระชับและชัดเจนให้บอกรายละเอียดสิ่งที่นำมาศึกษา สูตรและการคำนวณกลุ่มตัวอย่าง ลักษณะเฉพาะของตัวอย่างที่ศึกษา (เกณฑ์การคัดเข้า คัดออก) การสุ่มตัวอย่าง ตลอดจนเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกษา คุณภาพของเครื่องมือ วิธีหรือมาตรที่ใช้ในการวัด วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
- ผลการวิจัย (Results) บรรยายสรุปผลการวิจัยอย่างกระชับโดยให้สอดคล้องกับลำดับวัตถุประสงค์การวิจัย หากการวิจัยเป็นข้อมูลเชิงปริมาณที่ต้องนำเสนอด้วยตาราง หรือแผนภูมิ ควรมีคำอธิบายประกอบ การเรียงลำดับภาพ ตาราง หรือแผนภูมิ ควรเรียงลำดับตามเนื้อหาของงานวิจัย และต้องมีการแปลความหมายของผลที่ค้นพบหรือวิเคราะห์
- อภิปรายผลการวิจัย (Discussion) เขียนให้สอดคล้องกับลำดับของการนำเสนอสรุปผลการวิจัย เป็นการวิพากษ์ วิจารณ์ผลการวิจัยที่ได้สอดคล้องหรือขัดแย้งกับสมมติฐาน มีการอ้างอิงข้อเท็จจริง ทฤษฎี และผลการวิจัยอื่น อธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลถึงแนวความคิดของผู้วิจัยต่อผลการวิจัยที่ได้
-
-
- สรุปผลการวิจัย และข้อเสนอแนะ (Conclusion and Suggestions)
- สรุปผลการวิจัย ควรสรุปสาระสำคัญที่ไม่คลุมเครือ และสรุปผลว่าตรงกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยหรือไม่ อย่างไร
- ข้อเสนอแนะ แสดงความเห็นเพิ่มเติมเพื่อการนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ และการพัฒนางานต่อไปในอนาคต หรือเป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต
- กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) เป็นการแสดงคำขอบคุณสำหรับแหล่งทุนสนับสนุน หรือผู้ช่วยเหลืองานวิจัย
- เอกสารอ้างอิง (References) แสดงถึงแหล่งที่มาของข้อมูลที่ถูกนำมาอ้างอิงขึ้นมาใช้ในการวิจัย เพื่อเป็นการแสดงเจตนาว่าไม่นำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง การเขียนอ้างอิงให้เป็นไปตามรูปแบบวารสารกำหนด The American Psychological Association (APA, 7th Edition) เอกสารอ้างอิงท้ายบทความ (References) ทุกรายการต้องมีการอ้างอิงหรือกล่าวถึงอยู่ในเนื้อหาของบทความ (In-Text Citation) ผู้เขียนบทความต้องตรวจสอบข้อมูลของเอกสารที่นำมาอ้างอิงนั้น จะต้องปรากฏอยู่ทั้ง 2 แห่ง และมีความถูกต้องตรงกันทั้งการสะกดชื่อผู้แต่งและเลขปีพิมพ์
- บทความวิชาการ ควรมีการกำหนดประเด็นที่ต้องการอธิบายหรือวิเคราะห์อย่างชัดเจน โดยมีการวิเคราะห์ประเด็นที่ต้องการนำเสนอตามหลักวิชาการ โดยมีการสำรวจวรรณกรรมเพื่อสนับสนุนจนสามารถสรุปผลการวิเคราะห์ประเด็นนั้นได้ อาจเป็นการนำความรู้จากแหล่งต่าง ๆ มาประมวลร้อยเรียงเพื่อวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ โดยที่ผู้เขียนบทความแสดงทัศนะทางวิชาการของตนไว้อย่างชัดเจน มีลำดับเนื้อหาและบทสรุปที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ชัดเจน ประกอบด้วย
- บทนำ (Introduction) หลักการและเหตุผล (Rationale) ความเป็นมาหรือภูมิหลัง (Background) ความสำคัญของเรื่องที่เขียน (Justification) วัตถุประสงค์ของการเขียนในการที่จะสื่อไปยังผู้อ่าน คำจำกัดความ หรือนิยาม
ต่าง ๆ ที่ผู้เขียนเห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
- เนื้อเรื่อง (Body) การจัดลำดับเนื้อหาสาระ การเรียบเรียงเนื้อหา การวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ การใช้ภาษา วิธีการนำเสนอ
- บทสรุป (Conclusions) บทความทางวิชาการที่ดีควรมีการสรุปประเด็นสำคัญ ๆ ของบทความนั้น ซึ่งอาจกระทำในลักษณะการย่อโดยการเลือกประเด็นสำคัญ ๆ ขอบทความมานำเสนออย่างกระชับท้ายบทความ