เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อส่งบทความ

ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและยืนยันว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดการส่งบทความทุกข้อ บทความที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดอาจถูกส่งคืนให้ผู้แต่งดำเนินการแก้ไข

  • ไฟล์เอกสารที่ต้องแนบมาเพื่อส่งบทความ (Submission Requirements)
    1. ต้นฉบับบทความ (Manuscript)
    2. แบบฟอร์มขอส่งบทความ (Submission Form)
    3. ใบรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ (ถ้ามี)
  • ผลงานที่ส่งตีพิมพ์จะต้องไม่เคยเผยแพร่ในสิ่งพิมพ์อื่นใดมาก่อนและต้องไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่น การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ส่งบทความโดยตรง
  • ผลงานที่ส่งตีพิมพ์ในลักษณะบทความวิจัยต้องรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการทำวิจัย ไม่บิดเบือนข้อมูล หรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
  • ผู้นิพนธ์ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่น หากมีการนำผลงาน หรือข้อความในลักษณะอื่นใดมาใช้ในบทความ รวมทั้งจัดทำรายการอ้างอิงท้ายบทความ
  • ผู้นิพนธ์ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนดไว้ใน “คำแนะนำผู้เขียน”
  • ผู้นิพนธ์ที่มีชื่อปรากฎในบทความทุกคน ต้องเป็นผู้มีส่วนร่วมในการดำเนินการวิจัยจริง
  • ผู้นิพนธ์ต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนในการทำวิจัย (ถ้ามี)
  • ผู้นิพนธ์ต้องระบุผลประโยชน์ทับซ้อน (ถ้ามี)
  • สามารถส่งต้นฉบับบทความวิชาการ (Academic Article) และบทความวิจัย (Research Article) ได้ทั้ง ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
  • ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

สาขาขอบเขตเนื้อหาการตีพิมพ์     

     บทความวิจัยและบทความวิชาการที่ให้ความสำคัญในด้านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ทุกระดับ โดยผลการวิจัยนั้นต้องสามารถแสดงให้เห็นถึงการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริงในพื้นที่ สามารถขยายผลความสำเร็จไปยังพื้นที่อื่น หรือให้ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ ซึ่งมีขอบเขตดังนี้

  1. การจัดการเพื่อการพัฒนา
  2. สุขภาวะชุมชน
  3. เกษตรและอาหารเพื่อชุมชน
  4. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  5. การจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมชุมชน

ประเภทบทความที่รับ
      ตีพิมพ์ผลงาน 2 ประเภท คือ

  • บทความวิจัย (Research article)
  • บทความวิชาการ (Academic article) 

การพิจารณาบทความ

      บทความที่ได้รับการเผยแพร่ตีพิมพ์ในวารสารมีการตรวจสอบและพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer-reviews) จำนวน 3 ท่าน ต่อ 1 บทความ โดยผูัทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความที่มีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้จะมีรูปแบบที่ผู้พิจารณาบทความไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์บทความและผู้นิพนธ์บทความไม่ทราบชื่อผู้พิจารณาบทความเช่นเดียวกัน (Double-Blinded Peer review) ผ่านระบบ ThaiJO

กำหนดการตีพิมม์เผยแพร่

      กำหนดตีพิมพ์เผยแพร่เป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ฉบับคือ

  • ฉบับที่ 1 ช่วงเดือน มกราคม-มิถุนายน
  • ฉบับที่ 2 ช่วงเดือน กรกฏาคม-ธันวาคม

ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์

      วารสารจัดเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความ ต่อ 1 บทความ รายละเอียดดังนี้

  • บุคคลภายนอก ค่าธรรมเนียม  4,500 บาท (สี่พันห้าร้อยบาทถ้วน)
  • บุคคลภายในมหาวิทยาลัย (บุคลากรสายวิชาการ/สนับสนุน) ค่าธรรมเนียม ไม่เก็บค่าธรรมเนียม
  • นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ค่าธรรมเนียม 3,500 บาท (สามพันห้าร้อยบาทถ้วน)

      โดยจะเรียกเก็บเมื่อบทความของท่าน ได้รับการพิจาณาจากบรรณาธิการให้เข้าสู่กระบวนการส่งพิจารณาบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ โดยวารสารขอสงวนสิทธิ์คืนเงินกรณีบทความได้รับการปฏิเสธตีพิมพ์จากผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ จำนวน 2 ท่านจาก 3 ท่าน

นโยบายการดำเนินงานของวารสาร

  1. กองบรรณาธิการจะตรวจสอบหัวข้อและเนื้อหาของบทความถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของวารสารฯ รวมถึงประโยชน์ในเชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติ
  2. บทความที่ส่งเข้าระบบเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ จะผ่านการตรวจสอบการคัดลอกผลงานวิชาการ โดยใช้ระบบอักขราวิสุทธิ์ หรือระบบ CopyCatch หรือระบบ Turnitin อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ผลงานวิชาการที่มีเนื้อหาคล้ายกันสามารถยอมรับได้ต้องไม่เกินร้อยละ 25 ของผลงานทั้งหมด
  3. กรณีที่กองบรรณาธิการพิจารณาเห็นควรรับบทความไว้สำหรับพิจารณาตีพิมพ์ กองบรรณาธิการจะส่งบทความเพื่อทำการกลั่นกรองต่อไป โดยส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบคุณภาพของบทความว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่จะตีพิมพ์หรือไม่ สำหรับกระบวนการพิจารณากลั่นกรองนี้เป็นการประเมินบทความแบบสองทาง (Double-Blind Process) กล่าวคือ จะไม่เปิดเผยชื่อผู้ส่งบทความให้ผู้ทรงคุณวุฒิทราบ และจะไม่เปิดเผยชื่อผู้ทรงคุณวุฒิให้ผู้ส่งบทความทราบ รวมถึงกองบรรณาธิการจะไม่เปิดเผยทั้งชื่อผู้ส่งและชื่อผู้ทรงคุณวุฒิให้บุคคลอื่นทราบด้วยเช่นกัน
  4. ทั้งนี้เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณากลั่นกรองบทความแล้ว กองบรรณาธิการจะพิจารณาตัดสินโดยอิงตามคำตัดสินและข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิว่าบทความนั้น ๆ ควรได้รับการตีพิมพ์ หรือควรส่งกลับให้ผู้ส่งบทความเพื่อทำการแก้ไขก่อนพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง หรือปฏิเสธการตีพิมพ์
  5. ผู้เขียนบทความต้องยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กองบรรณาธิการวารสารกำหนด และยินยอมให้บรรณาธิการแก้ไขความสมบูรณ์ของบทความได้ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเผยแพร่
  6. การอนุมัติให้ลงตีพิมพ์ได้หรือไม่นั้น ผลการพิจารณาจากกองบรรณาธิการวารสารถือเป็นสิ้นสุด

นโยบายจริยธรรมวิจัยในมนุษย์และสัตว์ (Human and Animal Research Ethics Policy)

          บทความจากงานวิจัยที่ส่งเข้ามารับการตีพิมพ์และเกี่ยวข้องกับการทำวิจัยในมนุษย์และสัตว์ ต้องได้รับการพิจารณารับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์หรือในสัตว์ ของสถาบันที่ดำเนินการหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย

นโยบายจริยธรรมการใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models: LLMs)

          การใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ เช่น ChatGPT อนุญาตให้ใช้เฉพาะเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงถ้อยคำและการตรวจสอบความถูกต้องทางไวยากรณ์ในระหว่างกระบวนการจัดเตรียมต้นฉบับเท่านั้น โดยไม่มีการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ใดในการสร้างเนื้อหาต้นฉบับ วิเคราะห์ข้อมูล หรือสรุปผลการศึกษา ทั้งนี้ ผู้เขียนรับผิดชอบต่อความถูกต้อง ความครบถ้วน และความเป็นต้นฉบับของเนื้อหาทั้งหมดในบทความอย่างสมบูรณ์

หลักเกณฑ์การส่งบทความ และเอกสารประกอบการพิจารณาตีพิมพ์

            การส่งบทความวิจัยหรือบทความวิชาการ พร้อมเอกสารประกอบต่าง ๆ เพื่อให้กองบรรณาธิการวารสารใช้ประกอบการพิจารณาบทความและประเมินคุณภาพทางวิชาการ มีรายละเอียดดังนี้

  1. บทความวิจัย หรือ บทความวิชาการ จัดทำในรูปแบบไฟล์เอกสาร Microsoft Word ตามรูปแบบที่วารสารกำหนด จำนวน 1 ชุด
  2. หนังสือขอส่งบทความเพื่อรับพิจารณาตีพิมพ์ หนังสือขอส่งบทความวิชาการ/วิจัย เพื่อรับพิจารณาตีพิมพ์
    ในวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ จำนวน 1 ชุด
  3. หนังสือรับรองจริยธรรมการวิจัย สำเนาหนังสือรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์และสัตว์ จำนวน 1 ชุด

การเตรียมต้นฉบับบทความ

            แนะนำให้ผู้เขียนบทความ ดาวน์โหลด “Template บทความวิจัย” หรือ Template บทความวิชาการ” ที่ดาวน์โหลดด้านขวามือของเว็บไซต์วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้

  1. การจัดเค้าโครงหน้ากระดาษ

ความยาวของบทความไม่เกิน 12 หน้ากระดาษ ขนาด A4 (นับรวมภาพ ตาราง และเอกสารอ้างอิง) การตั้งระยะขอบของหน้ากระดาษในแต่ละหน้ากำหนดจากขอบบน 3.81 เซนติเมตร ขอบล่าง 2.54 เซนติเมตร ขอบซ้าย 3.81 เซนติเมตร และขอบขวา 2.54 เซนติเมตร

  1. รูปแบบตัวอักษร และขนาดตัวอักษร

ใช้จัดพิมพ์ด้วยแบบอักษรไทยสารบรรณ พีเอสเค (TH SarabunPSK) เหมือนกันตลอดทั้งบทความ

2.1 ชื่อเรื่องบทความ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขนาดตัวอักษร 16 pt. (ตัวหนา) จัดกึ่งกลาง

2.2 ชื่อผู้เขียน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขนาดตัวอักษร 14 pt. (ตัวอักษรปกติ) จัดชิดขวา

2.3 ชื่อสังกัดหน่วยงานหรือมหาวิทยาลัย ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และ Corresponding Author e-mail: ขนาดตัวอักษร 14 pt. (ตัวอักษรปกติ) จัดชิดขวา

2.4 หัวข้อหลักบทความวิจัย (จัดชิดขอบซ้าย, ตัวหนา, ขนาดตัวอักษร 14 Point, ไม่ใส่ลำดับที่) กำหนดเรียงลำดับหัวข้อหลัก ดังนี้

(บทความภาษาไทย)   /   (บทความภาษาอังกฤษ)

        บทนำ   /   Introduction

        วัตถุประสงค์การวิจัย   /   Research Objectives

        วิธีดำเนินการวิจัย   /   Research Methods

        ผลการวิจัย   /   Research Results

        อภิปรายผลการวิจัย   /   Discussion

        สรุปผลการวิจัย และข้อเสนอแนะ   /   Conclusion and Suggestions

        กิตติกรรมประกาศ   /   Acknowledgements

        เอกสารอ้างอิง   /   References

2.5 หัวข้อหลักบทความวิชาการ (จัดชิดขอบซ้าย, ตัวหนา, ขนาดตัวอักษร 14 Point, ไม่ใส่ลำดับที่) กำหนดเรียงลำดับหัวข้อหลัก ดังนี้

(บทความภาษาไทย)   /   (บทความภาษาอังกฤษ)

        บทนำ   /   Introduction

        เนื้อเรื่อง (สามารถเริ่มเนื้อเรื่อง โดยไม่ต้องใส่หัวข้อ)   /   Body

        บทสรุป   /   Conclusions         

        เอกสารอ้างอิง   /   References

ส่วนประกอบของบทความ

  1. ชื่อเรื่องบทความ

ชื่อเรื่องบทความ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ควรกะทัดรัดไม่ยาวจนเกินไป มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

  1. ชื่อผู้เขียนและหน่วยงานต้นสังกัด
    • ชื่อผู้เขียนและหน่วยงานต้นสังกัด (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) ระบุเฉพาะชื่อ และสกุล โดยใส่เครื่องหมายดอกจัน ( * ) เฉพาะผู้รับผิดชอบบทความ
    • สถานที่ทำงาน (Affiliation) ระบุหน่วยงาน จังหวัด
    • ผู้แต่งอีเมล (E-mail Address) ระบุเฉพาะผู้รับผิดชอบบทความและควรเป็นอีเมลของหน่วยงาน
  1. บทคัดย่อ (Abstract)

3.1 ความยาวคำ ไม่เกิน 400 คำ และคำสำคัญ (Keywords) 3-5 คำ (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)

3.2 เนื้อความของบทคัดย่อภาษาไทยและบทคัดย่อภาษาอังกฤษ (Abstract) สรุปสาระสำคัญของงานวิจัย
ที่อ่านเข้าใจง่าย ตามลำดับดังนี้ ระบุวัตถุประสงค์การวิจัย ระบุระเบียบวิธีการวิจัย (โดยย่อ) แต่ต้องครอบคลุมเนื้อหา (ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือการวิจัย วิธีการรวบรวมข้อมูล และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล) ระบุผลการวิจัย ระบุการ
นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ หรือผลกระทบ (Impact) ของผลการวิจัย

  1. ส่วนเนื้อหา
    • บทความวิจัย ควรเป็นการนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้า ข้อค้นพบ องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยซึ่งผู้วิจัย
      ได้ดำเนินการมาอย่างเป็นระบบตามขั้นตอนของการวิจัย โดยควรมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ (สามารถมีหัวข้อหรือองค์ประกอบ
      ที่แตกต่างได้)
      • บทนำ (Introduction) ครอบคลุมความสำคัญและที่มาของปัญหาวิจัย
      • วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Objectives) ข้อความที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่นักวิจัยต้องการศึกษา ที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจง และรายงานผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้
      • วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology) ให้ระบุรูปแบบวิจัย (Research Design) อธิบายเครื่องมือและวิธีการดำเนินการวิจัยให้กระชับและชัดเจนให้บอกรายละเอียดสิ่งที่นำมาศึกษา สูตรและการคำนวณกลุ่มตัวอย่าง ลักษณะเฉพาะของตัวอย่างที่ศึกษา (เกณฑ์การคัดเข้า คัดออก) การสุ่มตัวอย่าง ตลอดจนเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกษา คุณภาพของเครื่องมือ วิธีหรือมาตรที่ใช้ในการวัด วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
      • ผลการวิจัย (Results) บรรยายสรุปผลการวิจัยอย่างกระชับโดยให้สอดคล้องกับลำดับวัตถุประสงค์การวิจัย หากการวิจัยเป็นข้อมูลเชิงปริมาณที่ต้องนำเสนอด้วยตาราง หรือแผนภูมิ ควรมีคำอธิบายประกอบ การเรียงลำดับภาพ ตาราง หรือแผนภูมิ ควรเรียงลำดับตามเนื้อหาของงานวิจัย และต้องมีการแปลความหมายของผลที่ค้นพบหรือวิเคราะห์
      • อภิปรายผลการวิจัย (Discussion) เขียนให้สอดคล้องกับลำดับของการนำเสนอสรุปผลการวิจัย เป็นการวิพากษ์ วิจารณ์ผลการวิจัยที่ได้สอดคล้องหรือขัดแย้งกับสมมติฐาน มีการอ้างอิงข้อเท็จจริง ทฤษฎี และผลการวิจัยอื่น อธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลถึงแนวความคิดของผู้วิจัยต่อผลการวิจัยที่ได้
      • สรุปผลการวิจัย และข้อเสนอแนะ (Conclusion and Suggestions)
        • สรุปผลการวิจัย ควรสรุปสาระสำคัญที่ไม่คลุมเครือ และสรุปผลว่าตรงกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยหรือไม่ อย่างไร
        • ข้อเสนอแนะ แสดงความเห็นเพิ่มเติมเพื่อการนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ และการพัฒนางานต่อไปในอนาคต หรือเป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต
      • กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) เป็นการแสดงคำขอบคุณสำหรับแหล่งทุนสนับสนุน หรือผู้ช่วยเหลืองานวิจัย
      • เอกสารอ้างอิง (References) แสดงถึงแหล่งที่มาของข้อมูลที่ถูกนำมาอ้างอิงขึ้นมาใช้ในการวิจัย เพื่อเป็นการแสดงเจตนาว่าไม่นำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง การเขียนอ้างอิงให้เป็นไปตามรูปแบบวารสารกำหนด The American Psychological Association (APA, 7th Edition) เอกสารอ้างอิงท้ายบทความ (References) ทุกรายการต้องมีการอ้างอิงหรือกล่าวถึงอยู่ในเนื้อหาของบทความ (In-Text Citation) ผู้เขียนบทความต้องตรวจสอบข้อมูลของเอกสารที่นำมาอ้างอิงนั้น จะต้องปรากฏอยู่ทั้ง 2 แห่ง และมีความถูกต้องตรงกันทั้งการสะกดชื่อผู้แต่งและเลขปีพิมพ์
    • บทความวิชาการ ควรมีการกำหนดประเด็นที่ต้องการอธิบายหรือวิเคราะห์อย่างชัดเจน โดยมีการวิเคราะห์ประเด็นที่ต้องการนำเสนอตามหลักวิชาการ โดยมีการสำรวจวรรณกรรมเพื่อสนับสนุนจนสามารถสรุปผลการวิเคราะห์ประเด็นนั้นได้ อาจเป็นการนำความรู้จากแหล่งต่าง ๆ มาประมวลร้อยเรียงเพื่อวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ โดยที่ผู้เขียนบทความแสดงทัศนะทางวิชาการของตนไว้อย่างชัดเจน มีลำดับเนื้อหาและบทสรุปที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ชัดเจน ประกอบด้วย
      • บทนำ (Introduction) หลักการและเหตุผล (Rationale) ความเป็นมาหรือภูมิหลัง (Background) ความสำคัญของเรื่องที่เขียน (Justification) วัตถุประสงค์ของการเขียนในการที่จะสื่อไปยังผู้อ่าน คำจำกัดความ หรือนิยาม
        ต่าง ๆ ที่ผู้เขียนเห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
      • เนื้อเรื่อง (Body) การจัดลำดับเนื้อหาสาระ การเรียบเรียงเนื้อหา การวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ การใช้ภาษา วิธีการนำเสนอ
      • บทสรุป (Conclusions) บทความทางวิชาการที่ดีควรมีการสรุปประเด็นสำคัญ ๆ ของบทความนั้น ซึ่งอาจกระทำในลักษณะการย่อโดยการเลือกประเด็นสำคัญ ๆ ขอบทความมานำเสนออย่างกระชับท้ายบทความ