การสร้างเครื่องชี้กลุ่มดาวจักรราศีด้วยเลเซอร์ตามระบบพิกัดเส้นขอบฟ้า
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้เป็นการสร้างเครื่องชี้กลุ่มดาวจักรราศีด้วยเลเซอร์ตามระบบพิกัด เส้นขอบฟ้า มีวัตถุประสงค์ คือ สร้างเครื่องชี้กลุ่มดาวจักรราศีด้วยเลเซอร์ตามระบบพิกัด เส้นขอบฟ้า และหาประสิทธิภาพของเครื่องชี้กลุ่มดาวจักรราศีด้วยเลเซอร์ตามระบบพิกัด เส้นขอบฟ้าขั้นตอนการวิจัยเริ่มจาก 1) ออกแบบและสร้างเครื่องชี้กลุ่มดาว 2) พัฒนาโปรแกรมชี้กลุ่มดาว 3) ทดสอบโปรแกรมชี้กลุ่มดาว 4) ทดสอบเครื่องชี้กลุ่มดาวร่วมกับโปรแกรมชี้กลุ่มดาว และ 5) หาค่าเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนจากการชี้ตำแหน่งดาว
ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการออกแบบและสร้างเครื่องชี้กลุ่มดาว ประกอบด้วย เลเซอร์สารกึ่งตัวนำสีเขียว ไมโครคอนโทรลเลอร์ควบคุมการทำงานของมอเตอร์มุมอะซิมุทและมุมอัลติจูด เซ็นเซอร์ความเร่งและเซ็นเซอร์วัดมุมใช้ตรวจสอบมุมของเครื่องชี้กลุ่มดาว และโปรแกรมชี้กลุ่มดาว 2) ผลการพัฒนาโปรแกรมชี้กลุ่มดาวประกอบด้วย ฐานข้อมูลดาว 12 กลุ่มดาว จำนวน 151 ดวง ส่วนการคำนวณมุมอะซิมุทและมุมอัลติจูด ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ และส่วนการส่งข้อมูลไปยังเครื่องชี้กลุ่มดาวผ่านพอร์ตอนุกรม 3) ผลการทดสอบใช้โปรแกรมชี้กลุ่มดาวคำนวณหาตำแหน่งดาว จำนวน 151 ดวง พบว่า มีเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนของมุมอะซิมุทเท่ากับ 0.39% และมุมอัลติจูดเท่ากับ 1.38% 4) ผลการชี้ตำแหน่งดาวของเครื่องชี้กลุ่มดาวและโปรแกรมชี้กลุ่มดาวทั้งหมด 8 กลุ่มดาว จำนวน 80 ดวง พบว่าเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนของการชี้ตำแหน่งดาวมุมอะซิมุทเท่ากับ 0.98% และมุมอัลติจูดเท่ากับ 0.76% 5) ผลจากการใช้โปรแกรมชี้กลุ่มดาวและเครื่องชี้กลุ่มดาวมีเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 3% แสดงให้เห็นว่าเครื่องชี้กลุ่มดาวจักรราศีด้วยเลเซอร์ตามระบบพิกัดเส้นขอบฟ้าที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพในการชี้กลุ่มดาว
Article Details
References
ธฤษพงศ์ ศิริบูรณ์. (2555). อุปกรณ์ติดตามวัตถุท้องฟ้าชนิดอิเควทอเรียลสำหรับการถ่ายรูปทางดาราศาสตร์. (วิทยานิพนธ์วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย เชียงใหม่).
สมาคมดาราศาสตร์ไทย. (2556). ชื่อกลุ่มดาวไทย ฉบับพจนานุกรมของสมาคมดาราศาสตร์ไทย. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2556, จาก http://thaiastro.nectec.or. th/library/
Ho, K. (2012). A survey of algorithms for star identification with low- cost - star trackers. Acta Astronautica, 73, 156-163.