พฤติกรรมการอ่านหนังสือและแนวทางส่งเสริมพฤติกรรมการอ่านหนังสือของผู้เรียนระดับอาชีวศึกษา และเทคนิคศึกษา ประเภทวิชาพาณิชยกรรม ในสถานศึกษาเขตกรุงเทพมหานคร

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการอ่านหนังสือ ของผู้เรียนระดับอาชีวศึกษาและเทคนิคศึกษา ประเภทวิชาพาณิชยกรรม ในสถานศึกษาเขตกรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยข้อมูลส่วนบุคคลกับพฤติกรรมการอ่านหนังสือของผู้เรียนระดับอาชีวศึกษาและเทคนิคศึกษา ประเภทวิชาพาณิชยกรรม ในสถานศึกษาเขตกรุงเทพมหานครและ 3) ศึกษาแนวทางส่งเสริมพฤติกรรมการอ่านหนังสือ ของผู้เรียนระดับอาชีวศึกษาและเทคนิคศึกษา ประเภทวิชาพาณิชยกรรม ในสถานศึกษาเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้เรียนระดับอาชีวศึกษาและเทคนิคศึกษา ประเภทวิชาพาณิชยกรรม ในสถานศึกษาเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถาม และแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ไคสแควร์ และวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการศึกษา พบว่า 1) พฤติกรรมการอ่านหนังสือของผู้เรียนส่วนใหญ่ชอบอ่านหนังสือที่มีเนื้อหา บันเทิงคดี ใช้เวลาโดยเฉลี่ย 1 – 2 ชั่วโมงต่อวัน เฉลี่ย 2 วันต่อสัปดาห์ และเฉลี่ย 2 – 3 เล่มต่อเดือน ส่วนใหญ่ชอบอ่านที่บ้าน อ่านแล้วทำให้ได้รับความบันเทิงสนุกสนาน ปัญหาที่พบมากที่สุดในการอ่านคือ ขี้เกียจอ่าน 2) ความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อการส่งเสริมพฤติกรรมการอ่านหนังสือ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 3) ปัจจัยข้อมูลส่วนบุคคลกับพฤติกรรมการอ่านหนังสือ ด้านสาขาวิชามีความสัมพันธ์กับระยะเวลาที่ผู้เรียนอ่านหนังสือต่อวัน  ด้านสาขาวิชามีความสัมพันธ์กับจำนวนหนังสือที่อ่านต่อเดือน และส่วนสังกัดสถานศึกษามีความสัมพันธ์กับระยะเวลาที่ผู้เรียนอ่านหนังสือต่อวัน ส่วนด้านอื่น ๆ ไม่มีความสัมพันธ์กัน

แนวทางการส่งเสริมพฤติกรรมการอ่านหนังสือมี 4 ด้านดังนี้ 1) ด้านตนเอง  ควรเริ่มจากการอ่านหนังสือในเรื่องที่ชอบ สนใจ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ได้ ไม่มุ่งเน้นเฉพาะหนังสือเรียนเท่านั้น 2) ด้านผู้ปกครอง มีดังนี้ 2.1) สนับสนุนทุนทรัพย์ในการซื้อหนังสือมาอ่าน 2.2) อ่านหนังสือให้เป็นแบบอย่าง 2.3) อ่านหนังสือไปพร้อม ๆ กับบุตรหลาน และอ่านหนังสือแบบเดียวกันที่เด็กอ่าน 2.4) ต้องรู้ว่าเด็กสนใจหรือชอบอ่านหนังสือแบบไหน 2.5) ทำบรรยากาศที่บ้านให้เหมือนร้านหนังสือ และพาไปซื้อหนังสือ 3) ด้านสถานศึกษา มีดังนี้ 3.1) จัดกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ 3.2) ครูต้องเป็นแบบอย่างโดยอ่านหนังสือด้วยกันกับนักเรียน 3.3) บูรณาการให้การอ่านเข้าไปอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนการสอน เช่น เปิดภาพยนตร์ การแสดงละคร และเชื่อมโยงเนื้อหาระหว่างหนังสืออ่านเล่นกับวิชาเรียน ทำให้บรรยากาศการเรียน ให้มีสีสัน มีความสนุก บันเทิง และยังได้ความรู้ 3.4)  สำรวจความต้องการของนักเรียน แล้วจัดมุมนักอ่าน หรือมุมหนังสือ ตามที่เด็กสนใจ ซึ่งหนังสือจะต้องมีรูปลักษณ์สวยงาม น่ารัก มีความสนุก และอ่านง่าย 4) ด้านห้องสมุดและหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน มีดังนี้ 4.1) สร้างสื่อออนไลน์ที่ทันสมัย เช่น E – book, Application, Website เป็นต้น เพื่อกระตุ้นหรือจูงใจให้เด็กอ่าน 4.2) จัดหนังสือให้เหมาะสมกับวัย 4.3) มีกิจกรรมหรือส่งเสริมให้เด็กเป็นนักเขียนหน้าใหม่