การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเกษตร โดยจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ร่วมกับโครงงานเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนโดยวิธีการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดสะเต็มศึกษาร่วมกับโครงงานเป็นฐาน 2) ศึกษากระบวนการทำงานของนักเรียน 3) ศึกษาเจตคติของนักเรียนที่มีต่อ การเรียนวิชาเกษตร และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนวิชาเกษตร กลุ่มที่ศึกษา คือนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/7 โรงเรียนเทพลีลา จำนวน 18 คน ใช้การสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย (Simple random sampling) โดยวิธีการจับฉลากหน่วยเป็นห้องเรียน ใช้แบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ 15 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 80 ข้อ แบบประเมินทักษะกระบวนการทำงาน แบบวัดเจตคติ และแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Dependent t-test ผลการวิจัยพบว่า การจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดสะเต็มศึกษาร่วมกับโครงงานเป็นฐานส่งผลให้ค่าเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนมีทักษะกระบวนการทำงานในระดับดีมาก ( =111.44, S.D.=3.34) นักเรียนมีเจตคติต่อการเรียนวิชาเกษตรในระดับดี (=4.50, S.D.=0.11) และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาเกษตรอยู่ในระดับมากที่สุด (=4.63, S.D.=0.61) จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสะท้อนถึงการบูรณาการสะเต็มศึกษาร่วมกับโครงงานเป็นฐานเป็นการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินแนวทางการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีทักษะกระบวนการทำงานจากการวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบและลงมือปฏิบัติงานจริง โดยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่ตนเองสนใจและทำงานในลักษณะของกิจกรรมกลุ่ม จึงส่งผลให้นักเรียนเกิดทักษะและเจตคติที่ดีต่อการทำงานร่วมกัน