ผลการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับบทเรียนอีเลิร์นนิง วิชาเทคโนโลยี 1 (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การพัฒนาโครงงาน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
คำสำคัญ:
บทเรียนอีเลิร์นนิง, สะตีมศึกษา, การพัฒนาโครงงาน, วิทยาการคำนวณบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา วิชาเทคโนโลยี 1 (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การพัฒนาโครงงาน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีคุณภาพ 2) พัฒนาบทเรียนอีเลิร์นนิงที่ใช้ร่วมกับการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา วิชาเทคโนโลยี 1 (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การพัฒนาโครงงาน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ และ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะ เรื่อง การพัฒนาโครงงาน ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนตามแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับบทเรียนอีเลิร์นนิง กับนักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบปกติ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนชลราษฎรอำรุง ที่ได้จากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบกลุ่มจำนวน 3 ห้อง ห้องละ 45 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ แบบประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ บทเรียนอีเลิร์นนิง แบบประเมินคุณภาพบทเรียนอีเลิร์นนิง แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน (r = .866) และแบบประเมินผลโครงงาน (r = .854) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson product moment correlation coefficient) และ การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน (pooled variance t-test) โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา วิชาเทคโนโลยี 1 (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การพัฒนาโครงงาน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก ( = 4.92, S = 0.08) 2) บทเรียนอีเลิร์นนิงมีคุณภาพด้านเนื้อหา ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก (
= 4.72, S = 0.05) และมีคุณภาพด้านสื่อ ในภาพรวมอยู่ในระดับดี (
= 4.24, S = 0.71) 3) อัตราส่วนระหว่างประสิทธิภาพของกระบวนการต่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E1/E2) เท่ากับ 86.45/86.91 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80/80 และ 4) นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนตามแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับบทเรียนอีเลิร์นนิงมีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะ เรื่อง การพัฒนาโครงงาน สูงกว่าการจัดการเรียนรู้แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
เอกสารอ้างอิง
Paitoon Sinlarat, et al. 2016. Education 4.0 is more than education. 3rd ed. Bangkok : Chulalongkorn university.
Ministry of Education. 2017. Indicators and Core Content in Science (Rev. ed. B.E. 2560 (A.D. 2008)) The Basic Education Core Curriculum B.E. 2551 (A.D. 2008). Bangkok : The Agricultural Cooperative Federation of Thailand.
Woranuch Saengchan. 10th grade Computing Science Professional Teacher, Chonradsadornumrung school. March 19, 2019. Interview.
Montri Chulavatnatol. 2013. “STEM Education Thailand and STEM Ambassadors.” IPST. 42(185) : 14-18.
Yakman, G. 2008. STEAM Education: an overview of creating a model of integrative education. Retrieved March 3, 2019, from https://steamedu.com/wp-content/uploads/2014/12/2008-PATT-Publication-STEAM.pdf
Wasinee Itsarasena Na Ayutthaya. 2017. All about STEM Education. 2nd ed. Bangkok : Chulalongkorn university.
Kemmanat mingsiritham. 2016. Creative Educational Media Design. Bangkok : Chulalongkorn university.
Burachai Sirimahasakorn. 2002. Student-centered learning plan. Bangkok : Book Point.
Sukon Sintapanon. 2015. Learning management of modern teachers to improve the skills of learners in the 21st century. Bangkok : 9119 Technic Printing.
KOFAC. n.d. Learning Standards Framework of STEAM Classes. Retrieved May 14, 2019, from https://steam.kofac.re.kr/?page_id=11269
NASA. 2018. Engineering Design Process. Retrieved May 25, 2019, from https://www.nasa.gov/audience/foreducators/best/edp.html
Suwit Moolkum. 2008. Writing learning management plans that focus on thinking. 3rd ed. Bangkok : E.K. Books.
Seels, B., and Glasgow, Z. 1998. Making Instructional Design Decisions. 2nd ed. New Jersey : Merrill.
Priroj Teeranatanakul, Paiboon Kiattikomol and Saksun Yampinij. 2003. Design and producing computer instruction package for e-Learning. Samut Sakhon : Pimdee.
Lofland, J. 1971. Analyzing Social Setting. California : Wadsworth.
Narisara Goedpum, Pariyaporn Tungkunanan and Paitoon Pimdee. 2019. “THE PSYCHOMOTOR ACHIEVEMENT OF FLIPPED CLASSROOM WITH E-LEARNING ON MACHANIC ELECTRIC AND ELECTRONIC.” JIE. 18(3) : 224-231.
Patcharin Chaibubpha, Krissana Kiddee and Sirirat Petsangsri. 2015. “A Development of an E-Learning Courseware on Using Logo Command Language for Grade 8 Students at Aranprathet School.” JIE. 14(3) : 252-258.
Natthaporn Singmanee, Sirirat Petsangsri and Malai Tawisook. 2015. “The Effects of E-learning Courseware using Game-Based Instruction on Information Technology III Subject for 9th Grade Students.” JIE. 14(3) : 592-598.
Supattra Tapiantong, Thiyaporn Kantathanawat and Suwanna Innoi. 2020. “The Learning Management With Google Application for Education Collaboration Networking Lessons to Promote Learning Achievement in Related Skills on The Information Technology in Presentation Method for Grade 9.” JIE. 19(1) : 15-24.
Kim, H.B and Chae D.H. 2016. “The Development and Application of a STEAM Program Based on Traditional Korean Culture”. Eurasia. 12(7) : 1925-1936.
Suranee Sriboon and Wisud Pongen. 2019. “The Learning Outcomes of STEAM Education based on Problem Based Learning to Developing Mathematical Skills and Process for Seventh Grade Students.” JES. 47(1) : 526-543.
Chadtharawadee Boonthanom and Oraphan Butkatunyoo. 2015. “Integrated STEAM Education to Learning Experience Provision by Using Literature Based for Development of Creative Thinking of Preschool Children..” KER. 30(3) : 186-195.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"
