การศึกษาข้อบกพร่องด้านความรู้เชิงมโนทัศน์และความรู้เชิงกระบวนการ เรื่องพหุนามและเศษส่วนของพหุนาม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อบกพร่องด้านความรู้เชิงมโนทัศน์และความรู้เชิงกระบวนการเรื่องพหุนามและเศษส่วนของพหุนาม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนด่านช้างวิทยา โรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม และโรงเรียนบรรหารแจ่มใส 1 รวมทั้งหมด 116 คน โดยใช้การสุ่มแบบชั้นภูมิ (Stratified sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้เป็นแบบทดสอบวัดข้อบกพร่องด้านความรู้เชิงมโนทัศน์และความรู้เชิงกระบวนการ เรื่องพหุนามและเศษส่วนของพหุนาม โดยแบบทดสอบแบ่งเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 เป็นข้อสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 16 ข้อ ตอนที่ 2 เป็นข้อสอบแบบเติมคำ จำนวน 7 ข้อ และตอนที่ 3 เป็นข้อสอบแบบอัตนัย จำนวน 3 ข้อ โดยผู้วิจัยนำแบบทดสอบดังกล่าวไปทดสอบกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จากนั้นนำผลการทดสอบมาตรวจและวิเคราะห์เพื่อจำแนกประเภทของข้อบกพร่องที่พบโดยอ้างอิงจากความหมายของความรู้เชิงมโนทัศน์และความรู้เชิงกระบวนการ เรื่องพหุนามและเศษส่วนของพหุนาม
ผลการวิจัยพบว่าในเรื่องพหุนามและเศษส่วนของพหุนาม นักเรียนมีข้อบกพร่องทั้งด้านความรู้เชิงมโนทัศน์และความรู้เชิงกระบวนการ โดยเมื่อจัดประเภทของข้อบกพร่องที่พบแล้ว ข้อบกพร่องด้านความรู้เชิงมโนทัศน์ มีทั้งหมด 3 ด้าน ประกอบด้วย (1) ข้อบกพร่องด้านการเลือกใช้กฎหรือบทนิยาม (2) ข้อบกพร่องด้านการใช้กฎหรือบทนิยาม และ (3) ข้อบกพร่องด้านการอธิบายเหตุผลหรือที่มาของขั้นตอนการแก้โจทย์ ส่วนข้อบกพร่องด้านความรู้เชิงกระบวนการ มีทั้งหมด 4 ด้าน ประกอบด้วย (1) ข้อบกพร่องด้านการใช้ข้อมูล (2) ข้อบกพร่องด้านความรู้พื้นฐานทางพีชคณิต (3) ข้อบกพร่องด้านการคำนวณตามกฎหรือ บทนิยาม และ (4) ข้อบกพร่องด้านความครบถ้วนและลำดับของขั้นตอน
Article Details
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"
References
[2] Rittle-Johnson, Bethany & Alibali, Martha Wagner. 1999. Conceptual and procedural knowledge of mathematics: does one lead to the other?. Journal of Educational Psychology, 91(1), p.175-189. Retrieved November 2, 2017, from https://dx.doi.org/ 10.1037//0022-0663.91.1.175
[3] Aumporn Makanong. 2547. Ekkasankhamson Raiwichathruesadilaekanprayukthangkansueksakhanittasat. (Copied).
[4] Vishnu Napaphun. 2551. A Study of Upper Elementary School Students’ Algebraic Reasoning. Doctural Thesis in Education. (Mathematics Education). Bangkok: Srinakharinwirot University
[5] Cholthicha Sachin. 2560. The Effects of Mathematics Learning Activities Using Cooperative Learning TAI to Promote the Ability in Analytical Thinking on Polynomial for Mathayomsuksa 1. Doctural Thesis in Education. (Mathematics Education). Mahasarakham: Mahasarakham University.
[6] Pirom Poonsawat. 2559. The Development of Teaching Model to Enhance the Problem Solving Capability In Mathematics for Fifth Grade Students. [online]. Journal of Industrial Education, 15(2), p. 72-79. Retrieved March 4, 2018, from https://161.246.14.29/journal/images/stories/year15_2/vol15_02_09.pdf
[7] Aumporn Makanong. 2559. Taksakrabounkantangkhanitsat: Kanpattanapueapattanakan. Bangkok: Chulalongkorn University Press
[8] Metta Marwiang. 2544. The Study of Mathematical Errors in Solving Mathematics Problems on Number Counting by Matthayom Suksa 1 Students of the Demonstration School, Khon Kaen University. Thesis of Master Degree. (Curriculum and Instruction). Khon Kaen: Khon Kaen University.
[9] Phromphan Udomsin. 2544. Kanwatlaekanpramoenphonkanriankansonkhanitsat. 3rd Edition. Bangkok: Chulalongkorn University