การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม เรื่อง การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชและสัตว์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคกลุ่มสืบค้น (GI)
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคกลุ่มสืบค้น (GI), พฤติกรรมการทํางานกลุ่มบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และพฤติกรรมการทำงานกลุ่มเรื่อง การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชและสัตว์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคกลุ่มสืบค้น (GI) โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ด้วยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 26 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชและสัตว์ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชและสัตว์ 3) แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ (t-test) ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคกลุ่มสืบค้น (GI : Group Investigation) หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคกลุ่มสืบค้น (GI : Group Investigation) หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. พฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคกลุ่มสืบค้น (GI : Group Investigation) หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. พฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคกลุ่มสืบค้น (GI : Group Investigation) หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
[2] Sharan, Yeal, and Shlomo Sharan. “Group Investigation Expands Cooperative Learning.” Education Leadership 47, 4 (December 1989 – January 1990)
[3] Saowalak Noi-asa. 2004. Development Science Learning Activities Entitled "Substances in Our Darly Life" for Matthayomsuksa 1 Using Coopciative Learning : An Action Research. Master degree of Education (Curriculum and Instruction), Mahasarakham University.
[4] Johnson, D.W. and Johnson, R.T.1991. Learning together and alone. Englewood Cliffs NJ : Prentice – Hall.
[5] Slavin, R.E. 1995. Cooperative Learning: Theory Research and Practice (2nd Ed). Massachusetts: A Division of Simon & Schuster.
[6] Nongkran Jitjong .2007. Management Skill of Grade Level 2 Students Learning Science Through Group Investigation. Master of Education (Science Education), Chiang Mai University.
[7] Kusita M. 2011 - 2012. Development of Online Courseware for Cooperatives Learning for Studying the Principles Of Problems-Solving with Computer Language For. Mathayomsuksa V Student at ChamnansamakkhiWitthaya school. Journal of Industrial Education, 11(1), p.59-67
[8] Nittaya Changkamanon.2001. The Effects of Cooperative Learning Using The Group Imvestigation Technique on Learing Achievement and Group Work Skills in the Course soc 503: Social Studies of Mathayom Suksa V Students at Princess Sirindhorn’s College in Nakhon Pathom Province. Master of Education (Curriculum and Instruction), Sukhothai Thammathirat open University.
[9] Surapong Wichit .1996. The Development of Teaching and Learning Activities in Life Experiences for Prathomsuksa VI Students Through Cooperative Learning Model. Master of Education (elementary education) , khon kaen university
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"
