สภาพและปัญหาการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน ของโรงเรียนที่เปิดสอน ช่วงชั้นที่ 3 - 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในจังหวัดนครพนม

Authors

  • ชิษณุพงศ์ พลหาราช นักศึกษาปริญญาโท สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนครพนม

Abstract

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง โรงเรียนกับชุมชนของโรงเรียนที่เปิดสอน ช่วงชั้นที่ 3-4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดนครพนม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้จำนวน 586 คน ประกอบด้วยผู้บริหารโรงเรียน 45 คน ครูผู้สอน 315 คน และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 226 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บ รวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง .41 – .87 และค่าความ เชื่อมั่นเท่ากับ .97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบ เอฟ ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนของโรงเรียนที่เปิด สอน ช่วงชั้น 3-4 โดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) ปัญหาการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับ ชุมชน ของโรงเรียนที่เปิดสอนช่วงชั้น 3-4 โดยรวมอยู่ในระดับน้อย 3) สภาพการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนของโรงเรียนที่เปิดสอนช่วงชั้น 3-4 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่แตกต่างกัน 4) สภาพการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนของโรงเรียนที่เปิดสอน ช่วงชั้น 3-4 ที่มีขนาดต่างกัน ไม่แตกต่างกัน 5) ปัญหาการ ดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน ของโรงเรียนที่เปิดสอนช่วงชั้น 3-4 ตามความคิดเห็น ของผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่แตกต่างกัน 6) ปัญหาการ ดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนของโรงเรียนที่เปิดสอนช่วงชั้น 3-4 ในโรงเรียนที่มีขนาดต่างกัน ไม่แตกต่างกัน 7) การวิจัยครั้งนี้ได้เสนอแนวทางการพัฒนาการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน 1 ด้าน ได้แก่ ด้านการส่งเสริมชุมชนให้มีความเข้มแข็งทางวิชาการ

 

Abstract

The research aims at studying the state and problems of the relationship between schools and communities of the schools at key stage 3 – 4 under The Offices of Educational Service Areas in Nakhon Phanom Province. There were all together 586 samples in the study, selected by multi-stage random sampling. They consisted of 45 school administrators, 315 teachers, and 226 members of school boards. Tools used to collect data was a rating-scale questionnaire with its discrimination power value and reliability coefficient of .41-.87 and .97 respectively. Statistics used for the analysis were percentage, mean, standard deviation, and F-test. The results of the study were as follows : 1) Conditions in the implementation of the relationship between schools and communities of the schools at key stage 3 – 4 as a whole were at the high level. 2) Problems in the implementation of the relationship between schools and communities of the schools at key stage 3 – 4 as a whole were at the low level. 3) Conditions in the implementation of the relationship between schools and communities of the schools at key stage 3 – 4 according to opinions of school administrators, teachers, and members of school boards were not different. 4) Conditions in the implementation of the relationship between schools and communities among small-sized, medium-sized, and large-sized schools at key stage 3 – 4 were not different. 5) Problems in the implementation of the relationship between schools and communities of the schools at key stage 3 – 4 according to opinions of school administrators, teachers, and members of school boards were not different. 6) Problems in the implementation of the relationship between schools and communities among small-sized, medium-sized, and large-sized schools at key stage 3 – 4 were not different. 7) A guideline to strengthen the relationship between schools and communities in the empowerment of the communities in the academic area was suggested in the study.

Downloads

How to Cite

พลหาราช ช. (2013). สภาพและปัญหาการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน ของโรงเรียนที่เปิดสอน ช่วงชั้นที่ 3 - 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในจังหวัดนครพนม. Creative Science, 3(5), 91–104. Retrieved from https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/snru_journal/article/view/10007