การนำความร้อนทิ้งของระบบทำน้ำเย็นมาใช้ในการอบแห้งในเครื่องอบแห้งสุญญากาศแบบอินฟราเรด
คำสำคัญ:
สุญญากาศ, อินฟราเรด, ความร้อนทิ้ง, พลังงานบทคัดย่อ
บทความนี้ได้นำเสนอการนำความร้อนทิ้งของระบบทำน้ำเย็นมาใช้ในการอบแห้งในเครื่องอบแห้งสุญญากาศแบบอินฟราเรด โดยทำการศึกษา อัตราการอบแห้ง เวลาในการอบแห้งและการใช้พลังงาน เมื่อมีการใช้แหล่งความร้อนจากอินฟราเรดแหล่งเดียวกับการใช้แหล่งความร้อนจากอินฟราเรดร่วมกับการนำความร้อนทิ้งของระบบทำน้ำเย็น ทำการทดลองที่อุณหภูมิ 60 ความดัน 0.1 บาร์ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการอบแห้งได้แก่ พริกและสับปะรด ที่มีความชื้นเริ่มต้น 329% และ 567% d.b. ตามลำดับ อบแห้งจนความชื้นสุดท้ายของพริกและสับปะรดเหลือ 12% และ 20% d.b. ตามลำดับ ผลการทดลองพบว่า อัตราการอบแห้งของพริกและสับปะรดมีแนวโน้มใกล้เคียงกัน แต่ในช่วงแรกการใช้แหล่งความร้อนจากอินฟราเรดจะสูงกว่าการใช้แหล่งความร้อนร่วมประมาณ 0.005 และ 0.007 (kg/min).(kg water/kg dry product) ตามลำดับ ส่วนเวลาที่ใช้ในการอบแห้งพริกและสับปะรด คือ 5 และ 8 ชั่วโมง ตามลำดับ พลังงานที่ใช้อบแห้งจากอินฟราเรดแหล่งเดียว เท่ากับ 5.56 และ 8.45 kwh /วัตถุดิบสด 1 kg ตามลำดับ เมื่อนำความร้อนทิ้งของระบบทำน้ำเย็นมาใช้ในการอบแห้งพริกและสัปปะรดใช้พลังงาน เท่ากับ 4.8 และ 14.2 kwh /วัตถุดิบสด 1 kg ซึ่งสามารถช่วยลดพลังงานลงได้ 13.9 และ 14.2 % ตามลำดับ
References
[2] D. Akal and K. Kahveci and A. Cihan “Mathematical modelling of drying of rough rice in stacks” Food science & Technology International, Vol.13, pp.437-445, 2007.
[3] T. Abe and T.M. Afzal, “Thin-layer infrared radiation drying of rough rice” Journal of Agricultural Engineering Research,Vol.67, pp.289-297, 1997.
[4] M. Vogt, “Infrared drying lowers energy costs and drying times” Plastics, Additives andCompounding, Vol. 9, pp.58-61, 2007.
[5] Rittigrai Ngamchum and Somchart Soponronnarit, “ Far Infrared Radiation – Vacumm Drying of Sliced Cavendish” Master of Engineering Field of Study Energy Technology, Faculty School of Energy and Materials, King Mongkut's University of Technology Thonburi, 2547
[6] Apichart Artnaseaw and Somnuk Theerakulpisut and Chatchai Benjapiyaporn, “Vacuum Heat Pump Drying of Herbs” Doctor of Philosophy Thesis in Mechanical Engineering, Graduate School, Khon Kaen University, 2552.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว