การวางแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักรในกระบวนการอัดเม็ดด้วยเทคนิค FMEA กรณีศึกษาโรงงานชีวมวลอัดเม็ด

ผู้แต่ง

  • จารุวรรณ พรหมเงิน สาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
  • ธีรภัทร จงรักษ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

คำสำคัญ:

เทคนิค FMEA, การบํารุงรักษาเชิงป้องกัน, แผนผังสาเหตุและผล

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเสี่ยงของเครื่องจักรโดยประยุกต์ใช้เทคนิค FMEA และเสนอแนวทางในการบำรุงรักษาชิ้นส่วนของเครื่องจักร โดยวิเคราะห์ปัญหา อาการขัดข้องและผลกระทบ ประเมินและจัดทำแผนตามแนวทางการบำรุงรักษาเชิงป้องกันเครื่องจักร ผลการศึกษาพบว่า ค่า RPN ของลูกปืนเครื่องอัดเม็ดและใบมีดเครื่องสับ มีค่ามากที่สุด เท่ากับ 36 จัดอยู่ในระดับความเสี่ยงสูง แสดงให้เห็นว่าเมื่อชิ้นส่วนเครื่องจักรที่เกิดการขัดข้องทำให้กระบวนการผลิตหยุดชะงักและสูญเสียเวลาซ่อมเครื่องจักรเป็นเวลานาน บางครั้งช่างซ่อมบำรุงไม่สามารถซ่อมเองได้ และกระทบต่อการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า ผู้วิจัยทำการวิเคราะห์รากของปัญหาโดยใช้แผนผังสาเหตุและผล เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของเครื่องจักรที่เกิดการขัดข้อง พบว่าขาดการวางแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักรและพนักงานขาดความสม่ำเสมอในการตรวจเช็คเครื่องจักรก่อนการผลิต และใช้ค่าระดับความเสี่ยงของชิ้นส่วนเครื่องจักร คู่มือของเครื่องจักรออกแบบใบตรวจสอบเพื่อใช้วางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันของเครื่องจักรก่อนเกิดการขัดข้องและให้แผนกวิศวกรรมทำการตรวจสอบเครื่องจักรเป็นรายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน ตามลำดับความเสี่ยง พบว่า ระยะเวลาเฉลี่ยในการซ่อม (MTTR) ของเครื่องอัดเม็ด เครื่องสับ เครื่องบดหยาบ และเครื่องบดละเอียด ลดลงร้อยละ 2.74, 2.92, 3.07 และ 5.96 ตามลำดับ ระยะเวลาเฉลี่ยก่อนเกิดเหตุขัดข้อง (MTBF) เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.00, 15.97, 18.92 และ 18.75 ตามลำดับ และความพร้อมในการใช้งานของเครื่องจักร (AF) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.25, 14.55, 28.93 และ 25.72 ตามลำดับ

เอกสารอ้างอิง

P. Kaewsaithom, "The Applications of Reliability Based Maintenance for Reducing Downtime in the Sample Paper Factory," M.Eng. (Engineering Management), Silpakorn University, Nakhon Pathom, 2011.

K. Rungruang, "Alternative: Preventive Maintenance Planning for Industrial Relay Machinery," M.Sc. (Engineering Management), Dhurakij Pundit University, Bangkok, 2009.

S. Wongjirattikarn and S. Ratanakuakangwan, "Improvement of Preventive Maintenance Planning of an Automobile Shaft Manufacturer by FMEA Technique," The Journal of KMUTNB, vol. 23, no. 3, pp. 643-653, September - December 2013.

S. Sinlapapiphat, "Design of Maintenance Plan for the Multi-Plant Redy-Mixed Concrete Industry," M.Eng. (Industrial Engineering), Chulalongkorn University, Bangkok, 1994.

T. Juntasom, "Process Improvement by Using FMEA and AHP in Dyeing Section in the Sample Factory," M.Eng. (Engineering Management), Silpakorn Universit, Nakhon Pathom, 2010.

W. Punyangarm, "Failure Mode and Effects Analysis (FMEA) for a Maintenance System Development: A Case Study of Meat Processing," Ladkrabang Engineering Journal, vol. 33, no. 4, pp. 24-31, Dec. 2016.

S. Silaard, Machine Productivity Improvement by Preventive Maintenance Case Study : Beverage Industrial, M.Eng. (Industrial Engineering), King Mongkut's University of Technology North Bangkok, Bangkok, 2008.

S. Samrit, A. Kengpol and S. Talabgaew, "Reduction of Downtime Loss by Using Reliability Theory Based Preventive Maintenance: A Case Study of the Concrete Industry," KKU Research Journal, vol. 16, no. 2, pp. 145-158, Feb. 2011.

P. Pahakij and A. Krairit, "Integrating QFD and FMEA for Customer Satisfaction A Case Study in Automotive Industry," The Journal of Industrial Technology : Suan Sunandha Rajabhat University, vol. 5, no. 1, pp. 13-23, January – June 2017.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-07-08

รูปแบบการอ้างอิง

พรหมเงิน จ. ., & จงรักษ์ ธ. (2025). การวางแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักรในกระบวนการอัดเม็ดด้วยเทคนิค FMEA กรณีศึกษาโรงงานชีวมวลอัดเม็ด. วารสารวิชาการเทคโนโลยีอุตสาหกรรม : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 8(1), 1–12. สืบค้น จาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/fit-ssru/article/view/250393

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย