การเปรียบเทียบความสามารถในการเจริญเติบโตของข้าวโพดข้าวเหนียวหวานต่อการชลประทานแบบหยดจากหอถังสูง

Main Article Content

Thitinun Pongnam
Banlu Phiachin
Banjob Chamchong
Parinya Thaweephun

บทคัดย่อ

การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสามารถในการเจริญเติบโตของต้นข้าวโพดข้าวเหนียวหวานต่อการชลประทานแบบหยดโดยใช้เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเปรียบเทียบกับการให้น้ำแบบเดิมของเกษตรกร (ใช้สายยางฉีดรด) ซึ่งเกษตรกรยังคงต้องมีการใช้ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มแรงดัน ทดสอบในแปลงปลูกพืชของเกษตรกรจังหวัดขอนแก่นที่มีการติดตั้งระบบสูบน้ำผิวดินขึ้นไปเก็บบนหอถังสูงโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยทำการปลูกข้าวโพดข้าวเหนียวหวานจำนวน 7200 ต้น ซึ่งผู้ศึกษาทำการเก็บข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเจริญเติบโต ปริมาณน้ำที่ให้แก่ต้นข้าวโพด ผลผลิตของข้าวโพดฝักสด และประสิทธิภาพการใช้น้ำชลประทาน ผลการทดสอบพบว่าการเปรียบเทียบความสามารถในการเจริญเติบโตแบบถอนต้นระหว่างการชลประทานแบบหยดและการชลประทานแบบรดที่ 16 24 37 และ 59 วัน พบความยาวรากเฉลี่ยของวิธีการชลประทานแบบหยดสูงกว่าร้อยละ 32 40 32 และ 5 ตามลำดับ ความสูงต้นเฉลี่ยที่วัดในแปลงทดสอบแบบสุ่มจำนวน 200 ต้น ที่อายุ 37 52 และ 59 วัน พบว่าวิธีการชลประทานแบบหยดสูงกว่าร้อยละ 32 64 และ 53 ตามลำดับ ผลการเก็บเกี่ยวข้าวโพดฝักสดที่อายุ 73 วัน พบว่าผลผลิตที่ได้จากวิธีการชลประทานแบบหยดสูงกว่าแบบรดร้อยละ 20 โดยน้ำที่ใช้เพื่อการชลประทานแบบหยดและแบบรดที่ให้แก่ต้นข้าวโพดตลอดระยะเวลาในการปลูกมีค่ามากกว่าปริมาณน้ำที่ต้นข้าวโพดต้องการ 1.25 เท่า และ 3.55 เท่า ตามลำดับ และประสิทธิภาพการใช้น้ำชลประทานของต้นข้าวโพดแบบหยดและแบบรด เมื่อใช้น้ำเพื่อการชลประทาน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ได้ผลผลิตทั้งหมด 2.62 และ 0.74 กิโลกรัมตามลำดับ

Article Details

บท
บทความวิจัย ด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์

References

M. Fak-Aim, K. Banlupholsakul, K. Khongseeprai, and A. Tudsorn, “Case study of automatic plants watering system using solar energy for rice breeding plant,” Research Journal of Industrial Technology and Engineering, pp. 1–12, 2016 (in Thai).

T. Ruangrungchaikul, K. Apichaipiboon, and K. Chatraksa, “A comparison study on singleaxis solar tracking photovoltaic system,” in Proceedings of the 9th Thailand Renewable Energy for Community Conference (TREC-9), 2016, pp. 11–18 (in Thai).

Office of the National Economic and Social Development Council, “Regional development plan for northeast Thailand 2017–2022,” Office of the Prime Minister, Bangkok, Thailand, pp. 1–22, 2019 (in Thai).

S. Wonprasaid and A. Tira-umphon, “Development of techniques in micro irrigation and fertigation for chili and tomato production in the Northeast,” Research reports, Nakhon Ratchasima. Suranaree University of Technology, Rep. SUT 3-302-53- 24-15, 2014 (in Thai).

R. Surbkar, “Drip irrigation to the fruit tree hedgerow of alley cropping in rainfed agriculture on sloping land,” Naresuan Phayao Journal, vol. 7, no. 3, pp. 233–241, 2014 (in Thai).

Royal Irrigation Department, “Increase drip irrigation efficiency by using renewable energy under the Royal Initiative of His Majesty the King,” Ministry of Agriculture and Cooperatives, Bangkok, 2018 (in Thai).

N. Wangwongwiroj, Hydrology. Bangkok: King Mongkut's University of Technology Thonburi; 2008 (in Thai).

C. Sudchit, “Data collection of sweet corn yield,” Irrigated Agriculture Newsletter Journal, vol. 17, no. 66, pp. 2–13, 2013 (in Thai).

S. Sdoodee, S. Chanaweerawan, and P. Pongkhaew, “The effects of cultural practice methods on fruit orchard rehabilitation after flooding crisis in Songkhla province,” Songklanakarin Journal of Science and Technology, vol. 26, no. 1, pp. 31–42, 2004 (in Thai).