การตรวจวัดและการจัดทำแผนที่แสดงระดับเสียงรบกวนในโรงงานผลิตตู้แช่เย็น จังหวัดกรุงเทพมหานคร

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินระดับเสียงดังในสภาพแวดล้อมการทำงาน และจัดทําแผน ที่เส้นเสียงในกระบวนการผลิตโรงงานผลิตตู้แช่เย็น โดยทําการตรวจวัดระดับเสียงทั้งหมด 8 แผนก และทางเดินรอบไลน์การผลิตทั้ง 4 แถบ ได้แก่ ในพื้นที่การทํางาน พื้นที่ทางเดินด้านหน้าไลน์การผลิต ทางเดินด้านข้างไลน์ผลิตติดกับแผนกโลจิสติกส์ พื้นที่ด้านข้างไลน์ผลิตติดกับแผนกสโตร์ พื้นที่ทางเดินด้านหลังติดกับแผนกโฟมและโลหะ ทางเดินด้านหน้าไลน์การผลิต แผนกคอลย์ แผนก PATAVIA แผนก CONDENSING แผนก JINNY แผนกไฟฟ้า แผนกโลหะ และแผนกโฟมแผนกเชื่อมโดยทําการตรวจวัดเสียงทั้งหมด 540  จุด  โดยใช้โดยใช้เครื่องวัดระดับเสียง Sound level meter ที่ได้มาตรฐาน meter ที่ได้มาตรฐาน  เครื่องวิเคราะห์เสียง  25 to141dB มาตรฐาน Class 2Frequency weighting A / C / Z, range 20Hz to 8kHz ตัวเครื่องมาตรฐาน IP54, EC 61672-1, ANSI S1.4, JISC1509-1 (กระทรวงแรงงาน, 2559). และนําผลการตรวจวัดระดับเสียง มาจัดทําแผนที่เส้นเสียง  (Noise Contour Map) และ กําหนดพื้นที่ในการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ผลการศึกษาพบว่า ทางเดินด้านหน้าไลน์การผลิต ตรวจวัดทั้งหมด 54 จุดมีระดับเสียงเฉลี่ย 72.9 dB(A) ทางเดินด้านข้างไลน์ผลิตติดกับแผนกโลจิสติกส์ ตรวจวัดทั้งหมด 40 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 75.1 dB(A) ทางเดินด้านข้างไลน์ผลิตติดกับแผนกสโตร์ ตรวจวัดทั้งหมด40 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 75.3 dB(A) ทางเดินด้านหลังไลน์ผลิตติดกับแผนกโลหะและโฟมตรวจวัดทั้งหมด 54 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 83.2 dB(A)  แผนกคอลย์ ตรวจวัดทั้งหมด 43 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย76.7 dB(A)  แผนก PATAVIA ตรวจวัดทั้งหมด 45 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 73.2 dB(A) แผนก CONDENSING ตรวจวัดทั้งหมด 42จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 77.2 dB(A)  แผนก JINNY ตรวจวัดทั้งหมด 40 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 75.2 dB(A)  แผนกไฟฟ้า ตรวจวัดทั้งหมด 44 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 75.8 dB(A)  แผนกโลหะ ตรวจวัดทั้งหมด 45 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 86.5 dB(A) แผนกโฟม ตรวจวัดทั้งหมด 50 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 83.4 dB(A)  แผนกเชื่อมตรวจวัดทั้งหมด 43 จุด มีระดับเสียงดังเฉลี่ย 84.8 dB(A)จากผลตรวจวัดระดับเสียงในพื้นที่การทํางานในโรงผลิตตู้แช่เย็น พบว่าร้อยละ 15.18 ที่มีระดับเสียงเกินที่มาตรฐานที่ยอมรับได้ ดังนั้นเบื้องต้นควรมีการป้องกัน การเสื่อมสมรรถภาพการได้ยินโดยการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล คือ Ear Plug ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ สามารถลดการรับสัมผัสเสียงดังได้ โดยในพื้นที่ที่พนักงานต้องมีการใช้ Ear Plug คือแผนกโลหะ แผนกเชื่อม แผนกโฟม แผนกไฟฟ้า   และดําเนินการจัดทํา โครงการอนุรักษ์การได้ยินเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย (กระทรวงแรงงาน, 2559). และเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านสมรรถภาพการได้ยิน ของพนักงาน