The Effectiveness Herbal Knee Mask with The Royal Thai Massage in The Treatment Jubpong Heang Khao of Osteoartitris Patients Somdetphraphutthaloetla Hospital,Samut Songkhram Province
Main Article Content
Abstract
Osteoarthritis of knee In Thai traditional medicine, it is classified as a type of wind disease. It is the most common disease.This research is an experimental study.The objective of this study the effectiveness Herbal knee Mask with The Royal Thai Massage in The Treatment Jubpong Heang Khao of Osteoartitris Patients.The sample were purposive sampling 38 people,received treatment at the Thai Traditional Medicine, Somdetphraphutthaloetla Hospital,Samut Songkhram Province.The experimental implemented December 2019 to September 2020. The patient will receive Herbal Knee Mask on the knee joint pain for 30 minutes with The Royal Thai Massage for 45 minutes for 5 continuous days, and evaluated after 7 days of discontinuation of the drug. Assessment of pain dimension, stiffness dimension, function dimension and using goniometer to measure joint movement angles.The data were analyzed by frequency distribution, percentage, mean, standard deviation, Paired t-test and Friedman test. The results: revealed the subjects had pain dimension, stiffness dimension decreased There was a statistically significant increase in function dimension from before the experiment (p < 0.05) and after the experiment. The degree of movement of the joints was significantly higher than before the experiment (p < 0.05). Conclusion: Herbal Knee Mask with The Royal Thai Massage was effective in reducing pain dimension, stiffness dimension Increase the ability to use the and an increased angle of movement of the joints It is the basic information that can be used to support the application of Thai traditional medicine in the health system in the future.
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะใดๆ ที่นำเสนอในบทความเป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว โดยบรรณาธิการ กองบรรณาธิการ และคณะกรรมการวารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยปทุมธานี ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด มหาวิทยาลัย บรรณาธิการ และกองบรรณาธิการจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาดหรือผลที่เกิดจากการใช้ข้อมูลที่ปรากฏในวารสารฉบับนี้
References
บรรณานุกรม
กรมการแพทย์. (2558). ข้อเข่าเสื่อมปัญหาสุขภาพผู้สูงวัย. สืบค้น 16 มิถุนายน 2563 จาก, http://www.thaihealth.or.th/Content /27995 -“ข้อเข่าเสื่อม”%20 ปัญหาสุขภาพผู้สูงวัย.html. กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. (2559). คู่มือดูแลผู้สูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. (2559). แนวทางการตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะข้อเข่าเสื่อมด้วยการแพทย์แผนไทย. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร :บริษัท สามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ) จำกัด.
กระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. (2558). ประมวลสรรพคุณสมุนไพรไทย (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กลุ่มงานฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทย สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก.(2553).ตำราผู้ช่วยแพทย์แผนไทย 372 ชั่วโมง.กรุงเทพฯ:สำนักกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์.
กลุ่มพัฒนาวิชาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร สถาบันการแพทย์แผนไทยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก.(2556).บัญชียาจากสมุนไพร พ.ศ.2555.กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์องค์การทหารผ่านศึก.
กีรติ เจริญชลวานิช.(2559).ศัลยศาสตร์บูรณสภาพข้อเข่าเสื่อม.กรุงเทพฯ:ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.
แก่นเกื้อ นาวาบุญนิยม.(2560).ผลการพอกสมุนไพรฤทธิ์เย็นต่ออาการปวดเข่าของกลุ่มผู้สูงอายุในเขต เทศบาล ตำบลดอนตาล อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร.วิทยานิพนธ์ปริญญาสาขาวิชา สาธารณะสุขศาสตร์,สุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์.
งานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า.(2561).สืบค้นจาก http://192.168.2.9/data_sys/main_/home.php.
จันจิรา บิลหลี.(2561).ผลของโปรแกรมบรรเทาอาการปวดเข่าด้วยตนเองในผู้สูงอายุที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อม.วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม 2561,42-51.
ชนาภา อุดมเวช.(2560).ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมของพนักงานหญิงนวดแผนไทย (Unpublished Master , s thesis).จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,จังหวัดกรุงเทพมหานคร.
ชยันต์ พิเชียรสุนทร, แม้นมาส ชวลิต และวิเชียร จีรวงส์.คำอธิบายตำราพระโอสถพระนารายณ์.กรุงเทพฯ:อัมรินทร์ และมูลนิธิภูมิปัญญา.
โชติกา สาระปัญญา.(2561).ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนร่วมกับการฟื้นฟูสมรรถภาพข้อเข่าต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม.วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ซานียะห์ มะแงสะแต.(2561). การศึกษาผลการนวดรักษาแบบราชสำนักร่วมกับพอกเข่าด้วยสมุนไพรเปรียบเทียบกับการนวดรักษาแบบราชสำนักร่วมกับประคบสมุนไพรในการรักษาภาวะข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ ตำบลกาตอง อำเภอยะหา จังหวัดยะลา (Unpublished Master , s thesis). มหาวิทยาลัยรังสิต, จังหวัดกรุงเทพมหานคร.
ดวงแก้ว ปัญญาภูและคณะ.(2558).ฤทธิ์ต้านการอักเสบของตำรับยารักษาโรคจับโปงแห้งเข่าและการทดลองทางคลินิกในอาสาสมัครสุขภาพดี.กรุงเทพฯ.สถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย.
ธันย์ สุภัทรพันธ์. (2535). Degenerative joint disense. ใน สมชัย ปรีชาสุขม, วิโรจน์ กวินวงศ์ โกวิท และวิวัฒน์ วัจนะวิศิษฐ. (บรรณาธิการ). ออร์โธปิดิกส์. (พิมพ์ครั้งที่ 3) (หน้า 243- 253). กรุงเทพฯ: ไพศาลศิลป์ การพิมพ์.
ปิยาภรณ์ แสนศิลา.(2556). การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการนวดไทยแบบราชสำนัก กับ ไดโคลฟีแนค ต่อการลดอาการปวดเข่าในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม.วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรดุษฏีบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สาธารณสุข,วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พยอม สุวรรณ. (2543).ผลของการประคบร้อนด้วยสมุนไพรต่ออาการปวดข้อ ข้อฝืด และความ ลำบากในการทำกิจกรรมในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม.วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
พรรษมาพร มนประณีต. (2553). ผลระหว่างการนวดไทยแบบราชสำนักกับการรับประทานยาต่อการลดอาการปวดข้อเข่าในผู้สูงอายุ โรงพยาบาลมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี (Unpublished Master , s thesis). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, จังหวัดมหาสารคาม.
พร้อมจิต ศรลัมพ์ และคณะ.(2535). สมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ มะขาม(พ.23).กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งกรุ๊ฟ จำกัด,257.
พวงทอง ไกรพิบูรณ์. (2557). โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน.สืบค้น 16 มิถุนายน 2563, จาก http://haamor.com/th/
มูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์ไทยเดิมฯ และโรงเรียนอายุรเวทธำรง สถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.(2552).ตำราการแพทย์ไทยเดิม(แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ฉบับอนุรักษ์) เล่มที่1.พิมพ์ครั้งที่2.กรุงเทพฯ:ศุภวนิชการพิมพ์.
มูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์แผนไทยเดิมฯ โรงเรียนอายุรเวท.(2548).หัตถเวชกรรมแผนไทย (นวดแบบราชสำนัก). กรุงเทพฯ : พิฆเฌศ พริ้นท์ติ้ง เซ็นเตอร์ จำกัด.
ราชวิทยาลัยแพทย์ ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย. (2554). แนวทางเวชปฏิบัติการรักษา
โรคข้อเข่าเสื่อม. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.
วัชรากรณ์ ชีวโศภิษฐ. (2562).สังคมผู้สูงอายุ: ปัจจัยการตลาดที่เปลี่ยนไป* AGING SOCIETY: THE CHANGED MARKETING FACTOR.วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์ปีที่ 6 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มีนาคม 2562),38-54.
วิญญ์ทัญญู บุญทัน.(2559).ความสัมพันธ์ระหว่างอาการปวด ข้อฝืด ความสามารถในการ ใช้งานข้อกับการทรงตัวของผู้สูงอายุ ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมในชุมชน เทศบาลตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ.วารสาร มฉก.วิชาการ2 ปีที่ 19 ฉบับที่ 38 มกราคม - มิถุนายน 2559,1-12.
วิไล ชินธเนศ,ธันวา ตันสถิต และมนตกานต์ ตันสถิต.(2539).กายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์.พิมพ์ครั้งที่ 3.กรุงเทพ:โรงพิมพ์เฟื่องฟ้า.
วิไลพรรณ สมบุญตนนท์.ประสิทธิผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพต่อภาวะสุขภาพความรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในชุมชนของกรุงเทพมหานคร.วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามปีที่19 ฉบับที่36 (มกราคม-มิถุนายน 2561),49-65.
ศิลดา การะเกตุ.(2560).การศึกษาเปรียบเทียบระดับความเจ็บปวดก่อนและหลังจากการรักษาโคลนสมุนไพร พอกเย็นร่วมกับการนวดแผนไทยในผู้สูงอายุที่มีอาการปวดเข่า.เชียงรายเวชสาร: CHIANGRAI MEDICAL JOURNAL ปีที่ 9 ฉบับที่ 2/2560,115-124.
สถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.(2555).การแพทย์แผนไทยประยุกต์กับการพัฒนาการแพทย์แผนไทยให้ยั่งยืน.กรุงเทพฯ:ศุภวนิชการพิมพ์.
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. [ออนไลน์]. สืบค้น 20 มิถุนายน 2563,จาก http://www.medplant.mahidol.ac.th/index.asp.
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร.(2554).ข้อมูลพันธุ์ไม้. [ออนไลน์]. สืบค้น 20 มิถุนายน 2563,จาก http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_06_6.htm.
สุรศักดิ์ นิลกานุวงศ์ และคณะ. (2548). ตำราโรคข้อ.เล่ม 1.กรุงเทพฯ:ธนบรรณการพิมพ์.
เหมราช ราชป้องขันธ์.(2560).การศึกษาการกดจุดสัญญาณหัวเข่า 3 จุด ร่วมกับการใช้ยาแก้วพอกเข่า ในผู้ป่วยสูงอายุโรคเข่าเสื่อมที่มีอาการปวดเข่า.ใน การประชุมวิชาการ ครั้งที่ 33 ประจำปี 2560.
อนุธิดา สิงห์นาค.(2558). เปรียบเทียบประสิทธิผลของยาพอกดูดพิษและการนวดรักษาในการรักษาอาการปวดเข่า. ในการประชุมวิชาการประจำปี การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่12 (หน้า 55). นนทบุรี: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก.
อรสา กาฬรัตน์.(2545).ผลของการนวดไทยต่ออาการปวดข้อในผู้สูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อม.วิทยานิพนธ์,เชียงใหม่.
Carter, M. A. (1997). Musculoskeletal system and connective tissue disorders. In S. A. Price & L. M. Wilson (Eds.). Pathophysiology (5thed.).(pp.66-84).London: Wolfe.
Cooper, C., Denni son, E., Edwards, M., & Litwic, A. (2013). Epidemiology of osteoarthritis. Medicographia. 35 : 145-51.
Frondoza, CG, Sohrabi A, Polotsky A, Phan PV, Hungerford DS, Lindmark L. (2004). An in vitro screening assay for inhibitors of proinflammatory mediators in herbal extracts using human synoviocyte cultures. In Vitro Cell Dev Biol—Animal;40:95–101.
Haghighi, M., Khalvat, A., Toliat, T., & Jallaei, S. (2005). Comparing the effects of ginger (zingiber officinale) extract and ibuprofen on patients with osteoarthritis. Archives of Iranian Medicine, 8(4), 267-271.
Hahn,P.C.,& Edwards,N.L.(1998).Osteoarthritis:Presentation,pathogenesis,and pharmacologic therapy Online).Available:http://www.medscape.com/SMA/Clini…er98/ crS98.02hahn/pntcrS98.02hahn.html (1999,March,22).
Hart D.J.,Doyle D.V. & Spector T.D.Incidence and risk factors for radiographic knee osteoarthritis in middle-aged women: The Chingford Study.Arthritis & Rheumatism. 1999; 42: 17-24
Helen, J. Hislop and Jacqueline Montgomery. Muscle Testing. S.l. : s.n., 1995.
Hfocus.(2557).“ข้อเข่าเสื่อม” ปัญหาสุขภาพผู้สูงวัย พบบ่อยสุดอายุ 55 ปีขึ้นไป.สืบค้น 16 มิถุนายน 2563, จาก https://www.hfocus.org/content/2015/04/9733
Hong CH, Hur SK, Oh O-J, Kim SS, Nam KA, Lee SK. (2002). Evaluation of natural products on inhibition of inducible cyclooxygenase (COX-2) and nitric oxide synthase (iNOS) in cultured mouse macrophage cells. Journal of Ethnopharmacology;83(1–2):153–9.
Jang DS, Min HY, Kim MS, et al. Humulene derivatives from Zingiber zerumbet with the inhibitory effects on lipopolysaccharide-induced nitric oxide production. Chem Pharm Bull (Tokyo).53:829–31.
Jolad SD, Lantz RC, Solyon AM,et al.(2004). Fresh organically grown ginger (Zingiberofficinale): composition and effects on LPS-induced PGE2 production. Phytochem 65:1937-1954.
Lantz RC, Chen GJ, Sarihan M, Sólyom AM, Jolad SD, Timmermann BN.(2007). The effect of extracts from ginger rhizome on inflammatory mediator production. Phytomedicine ; 14: 123–128
Martin, K. R., Kuh, D., Harris, T. B., Guralnik, J. M., Coggon, D., & Wills, A. K. (2013). Body mass index, occupational activity, and leisure-time physical activity: An explorationof riskfactorsand modifiers forkneeosteoarthritis inthe1946British birthcohort.BMC Musculoskelet Disord,14,219. doi:10.1186/1471-2474-14-219
Neogi T, Zhang Y. Epidemiology of osteoarthritis. Rheum Dis Clin North Am. 2013; 39 (1): 1-19.
Penna, S., Medeiros, M., Aimbire, F., Faria-Neto, H., Sertié, J., & Lopes-Martins, R. (2003). Anti-inflammatory effect of the hydralcoholic extract of zingiber officinale rhizomes on rat paw and skin edema. Phytomedicine, 10(5), 381-385. doi: http://dx.doi.org/10.1078/0944-7113-00271.
Rosenberg, A. (1999). Bone, joints, soft and soft tissue tumors. In Pathologic Basis of Disease (R. Cotran, V. Kuman, and T. Collins, eds.), pp. 1215–68. W. B. Saunders, Philadelphia.
Thomson, M., Al-Qattan, K.K., Al-Sawan, S.M., Alnaqeeb, M.A., Khan, I., Ali, M.(2002). The use of ginger (Zingiber officinale Rosc.) as a potential anti-inflammatory and antithrombotic agent. Prost. Leuk. Essential Fatty Acids 67, 475–478.
Zhang, Y., & Jordan, J. M. (2010). Epidemiology of osteoarthritis. Clinics in geriatric medicine, 26(3), 355-369. doi:10.1016/j.cger.2010.03.001