มิติความสัมพันธ์ของมนุษย์ในงานสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ
คำสำคัญ:
มนุษย์, สร้างสรรค์, ความสัมพันธ์, ศิลปะการออกแบบ, สถาปัตยกรรมบทคัดย่อ
การดำรงคงอยู่ของมนุษยชาติในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีการเรียนรู้ เปลี่ยนแปลง และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ มากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์เรา ซึ่งมีวิวัฒนาการของการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เริ่มตั้งแต่การเรียนรู้เพื่อที่จะมีชีวิตรอดตามสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตไปสู่การทำมาหากินเพื่อยังชีพ พัฒนาขึ้นเป็นวิถีชีวิตของชนเผ่า จนเริ่มทำให้การเรียนรู้เกิดมีรูปแบบขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้จากคนรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง เมื่อครั้นยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยนับตั้งแต่ ยุคหินเก่าตอนปลาย ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 30,000-10,000 ปีมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 15,000-10,000 มานั้น มนุษย์ได้เขียนภาพสี และขูดขีดบนผนังถ้ำ เพื่อแสดงออกเกี่ยวกับวิถีชีวิตประจำวัน และแสดงความสามารถในการล่าสัตว์ ซึ่งหากมองความสัมพันธ์ที่ลึกลงไปนั้น จะเห็นว่ามนุษย์รู้จักการใช้ความคิดในการสร้างสรรค์ รู้จักศิลปะและการออกแบบ ควบคู่กับการดำเนินชีวิตมาโดยตลอด [1] ซึ่งแต่ละยุคแต่ละช่วงสมัย ผลงานต่าง ๆ ก็ได้ถูกจารึกร่องรอย และสะท้อนให้เห็นถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่ผ่านมาได้อย่างดี ศิลปะการออกแบบและสถาปัตยกรรมอาคาร ได้ถูกพัฒนาและก่อตัวขึ้นในภายหลัง ควบคู่กับความเจริญทางสติปัญญาของศิลปิน ความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองไปพร้อม ๆ กัน จนก่อให้เกิดหลักฐานการเรียนรู้มากมายมาจนถึงปัจจุบัน
เอกสารอ้างอิง
[2] Poonnarat Pichayapaiboon. Art education, Theory of creation. Bangkok: Chulalongkorn University Press.
[3] Wiroon Tungcharoen. 2002. History of art and design. Bangkok: E and IQ publishing.
[4] Silpa Bhirasri. 1959. A bare outline of history and style of art. Bangkok: Silpakorn university publishing.
[5] E. C. Fernie. 1995. Art history and its methods. Hong kong: Phaidon press
[6] Sant Suwacharapinan and Taweesak Kaittiweerasak. 2013. Theoretical Confusion of Using Semiology as a Design Guideline. Built Environment Research Associates Associates Conference, BERAC, (4), p. 596-606.
[7] Noobanjong, K. 2013. The Aesthetics of Power:Architecture, Modernity, and Identity from Siam to Thailand. Thailand: White Lotus Co Ltd
[8] Santirak Prasertsuk. 2005. The Signification and Significance in Architecture: From Structuralism to Poststructuralism. Journal of Architectural/Planning Research and Studies, (3), p. 129-150.
[9] Pithan Thongsarojana and Ornsiri Panin. 2014. A study of how to find and create proportion of additional central Thai traditional houses from standard proportion based on Associate Professor Rutai Jaijongruk. journal of industrial education, 13(2), p. 111-118.
[10] Suebsiri saelee. 2011. Basic in design. Maha Sarakham: Maha Sarakham publishing.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"