ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
คำสำคัญ:
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู, คุณสมบัตินักวิจัย, บรรยากาศที่เอื้อต่อการทำวิจัยในชั้นเรียน, บุคลากรที่สนับสนุนการทำวิจัยในชั้นเรียน, การพัฒนาตนเองทางการวิจัยในชั้นเรียน, เจตคติในการทำวิจัยในชั้นเรียนบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี 2) เพื่อศึกษาคุณสมบัตินักวิจัย บรรยากาศที่เอื้อต่อการทำวิจัยในชั้นเรียน บุคลากรที่สนับสนุนการทำวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาตนเองทางการวิจัยในชั้นเรียน เจตคติในการทำวิจัยในชั้นเรียน และภาระงานและเวลา ของครูในสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครูในสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 9 แห่ง จำนวน 245 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม ประกอบด้วย แบบตรวจสอบรายการ และแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นบันได
ผลการวิจัยพบว่า
1) การทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄= 3.98)
2) ปัจจัยด้านคุณสมบัตินักวิจัย บรรยากาศที่เอื้อต่อการทำวิจัยในชั้นเรียน บุคลากรที่สนับสนุนการทำวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาตนเองทางการวิจัยในชั้นเรียน เจตคติในการทำวิจัยในชั้นเรียน และภาระงานและเวลา ของครูในสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อยู่ในระดับปานกลาง - มาก (อยู่ระหว่าง 3.33 – 4.06)
3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 มี 5 ปัจจัย ได้แก่ เจตคติในการทำวิจัยในชั้นเรียน คุณสมบัตินักวิจัย บุคลากรที่สนับสนุนการทำวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาตนเองทางการวิจัยในชั้นเรียน และภาระงานและเวลา ปัจจัยทั้ง 5 ปัจจัยสามารถร่วมกันพยากรณ์การทำวิจัยในชั้นเรียน ได้ร้อยละ 77.20 สามารถเขียนสมการพยากรณ์ได้ดังนี้
= 1.216+.684 (X5) +.439 (X1) +.174 (X3) +.119 (X4) -.055 (X6)
=
เอกสารอ้างอิง
[2] ทัศนา แสวงศักดิ์. 2543. การวิจัยในชั้นเรียน. วาสารวิชาการ. 3(5), น.72-77
[3] Yamane, T. 1973. Statistic, An Introductory Analysis. 3rd ed. New York : Harper and Row.
[4] พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2545. (2542 , 19 สิงหาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 116 ตอนที่ 74ก.
[5] ภิญโญ ลองศรี. 2549. ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอนในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 1-5. ปริญญาครุศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการบริหาร การศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย.
[6] วรรณา เด่นขจรเกียรติ. 2543. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ของครูประถมศึกษากรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์ มหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
[7] ปริยาภรณ์ ตั้งคุณานันต์. 2551. แผนกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาวัฒนธรรมคุณภาพของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภาคตะวันออก. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม. 7(1), น. 224-232.
[8] สุพรรณี สินโพธิ์. 2546.ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสมรรถภาพการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู ประถมศึกษาโดยใช้การวิเคราะห์โมเดลเชิงเส้นตรง ระดับลดหลั่น. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร์ มหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
[9] วัลภา ภูริปัญญา. การทำวิจัยในโรงเรียนของครูและกระบวนการบริหารของผู้บริหารเพื่อส่งเสริม การทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนวัดประดิษฐ์ฐาราม สังกัดกรุงเทพมหานคร” วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
[10] เกสร กุณาใหม่. 2549. ปัจจัยที่ส่งผลต่อ การปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เขตพื้นที่การศึกษาพะเยา เขต 1. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
[11] สมใจ จิตพิทักษ์. 2532. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ ผลิตภาพการวิจัยของอาจารย์มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. วิทยานิพนธ์ กศ.ค. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร.
[12] ประภัสสร วงษ์ดี. 2540. กระบวนการและการใช้ ผลการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครูนักวิจัยในโรงเรียนประถมศึกษา : การศึกษาเชิงสำรวจและ รายกรณี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์ มหาบัณฑิตสาขา วิชาวิจัยการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"