การศึกษาสภาพกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและทักษะชีวิตที่ส่งผลต่อนิสัยรักการอ่านและทักษะชีวิต ด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตสำหรับเด็กปฐมวัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และทักษะชีวิตสำหรับเด็กปฐมวัยของครูปฐมวัย 2) เปรียบเทียบสภาพการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะชีวิตด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตสำหรับเด็กปฐมวัยของครูปฐมวัยจำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา จบการศึกษาสาขาวิชา และประสบการณ์การทำงานด้านปฐมวัย 3) ศึกษาพัฒนาการการอ่านและทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัยตามความคิดเห็นของครูปฐมวัย และ 4) ศึกษาการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านและทักษะชีวิตด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตสำหรับเด็กปฐมวัยตามความคิดเห็นของครูปฐมวัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือ ครูปฐมวัย จำนวน 143 คน โดยการสุ่มแบบเป็นกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่าสำหรับครูปฐมวัย การวิเคราะห์ข้อมูลโดย ค่าเฉลี่ยเลขคณิต () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติที และสถิติทดสอบเอฟ ซึ่งผลการศึกษาพบว่า 1) สภาพการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็กปฐมวัยของครูปฐมวัยโดยภาพรวมการปฏิบัติอยู่ระดับมาก ( x̄= 3.95, S.D. = 0.61) ส่วนการปฏิบัติกิจกรรมเสริมสร้างทักษะชีวิตด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตสำหรับเด็กปฐมวัยของครูปฐมวัย โดยภาพรวมการปฏิบัติอยู่ระดับมาก ( x̄= 4.14, S.D. = 0.60) 2) เมื่อเปรียบเทียบสภาพการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็กปฐมวัยของครูปฐมวัยจำแนกตาม อายุ และจบการศึกษาสาขาวิชาต่างกัน มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็กปฐมวัยไม่แตกต่างกัน แต่ครูปฐมวัยที่มีเพศ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงานด้านปฐมวัยต่างกัน มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็กปฐมวัยต่างกัน และเมื่อเปรียบเทียบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะชีวิตด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตสำหรับเด็กปฐมวัยจำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา จบการศึกษาสาขาวิชา และประสบการณ์การทำงานด้านปฐมวัยต่างกัน มีการจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะชีวิตด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตสำหรับเด็กปฐมวัยไม่แตกต่างกัน 3) พัฒนาการการอ่านของเด็กปฐมวัยตามความคิดเห็นของครูปฐมวัยโดยภาพรวมความคิดเห็นอยู่ระดับมาก ( x̄= 4.22, S.D. = 0.52) ส่วนทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัยตามความคิดเห็นของครูปฐมวัย โดยภาพรวมความคิดเห็นอยู่ระดับมาก ( x̄= 4.34, S.D. = 0.52) 4) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านและทักษะชีวิตด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตสำหรับเด็กปฐมวัยตามความคิดเห็นของครูปฐมวัยโดยภาพรวมความคิดเห็นอยู่ระดับมาก ( x̄= 4.16, S.D. = 0.61)
Article Details
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"
References
[2] Lai Lin, K. And Dhansukhlal, J. 2011. Libraries for Life: NLB’s Strategic plan into 2020. Thailand Conference on Reading 2011. August 24-25, 2011.
[3] Pandian, A. 2011. How Malaysia read: Individual, home and school initiatives. Thailand Conference on Reading 2011. August 24-25, 2011.
[4] เทพ สงวนกิตติพันธุ์. 2545. ทักษะชีวิต (Life Skill). กรุงเทพฯ: บรรณกิจ.
[5] มัณฑรา ธรรมบุศย์. ม.ป.ป. การสอนทักษะชีวิต. (เอกสารอัดสำเนา).
[6] กรมวิชาการ. 2546. กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
[7] องค์การอนามัยโลก. 2553. ทักษะชีวิต..วัคซีนป้องกันชีวิตลูก. ค้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2553, จาก https://women.kapook.com/view6188.html
[8] ศิริพรรณ สายหงษ์. 2553. แนวคิดเรื่องทักษะชีวิตและแนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต. ค้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2553, จาก https://www.nfe.go.th/0405/NFE-note/SkillLife.html
[9] สุพรรณี วราทร. 2550. ชวนเด็กไทยให้เป็นนักอ่าน (๒). กรุงเทพฯ: สำนักงานอุทยานการเรียนรู้.
[10] หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๔๖. 2553. ค้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2553, จาก htt://netra.lpru.ac.th/~uraiwan/text/kg%202546.pdf
[11] กิติยาวดี บุญซื่อ และอัญญมณี บุญซื่อ. 2549. สอนภาษาอย่างไรให้ลูกเก่ง. กรุงเทพฯ: สาราเด็ก.
[12] ชลาธิป สมาหิโต. 2549. การพัฒนาภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย. ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
[13] ธาตรี รอดชำนาญ. 2552. การพัฒนาทางภาษาของเด็ก. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 8(2), น. 324-328.
[14] Reis, A. A. 2001. Singing a story: Exploring the effects of music-based reading activities on emergent readers. Dissertation Abstracts International. 40(02), 290-A (UMI No. 1406553).