การวิเคราะห์องค์ประกอบของความรู้เกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
คำสำคัญ:
การวางแผนการวิจัยในชั้นเรียน, การเก็บรวบรวมข้อมูล, การคำนวณแปลผลสถิติพื้นฐาน, การคำนวณแปลผลสถิติอ้างอิง และการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล, การสะท้อนผลกลับการเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของความรู้เกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครูวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)และเพื่อประเมินความรู้เกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครูวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสังกัด สอศ. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ครูวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสังกัด สอศ.จำนวน 335 คนปี การศึกษา 2554 โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม ที่มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.99 วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์องค์ประกอบของความรู้เกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis: EFA) ด้วยวิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบหลัก (Principal Component Analysis) และการหมุนแกนองค์ประกอบแบบตั้งฉาก (Orthogonal Rotation) ด้วยวิธีแวริแมกซ์ (Varimax Rotation)
ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบของความรู้เกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครูวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี สอศ. ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ 1) การวางแผนการวิจัยในชั้นเรียน 2) การเก็บรวบรวมข้อมูล 3 ) การคำนวณ แปลผล สถิติพื้นฐาน 4) การคำนวณ แปลผล สถิติอ้างอิง และการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 5) การสะท้อนผลกลับ การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียน ซึ่งทั้ง 5 องค์ประกอบ สามารถอธิบายองค์ประกอบของความรู้เกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครูวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสังกัดสอศ. ได้ร้อยละ 73.046 และผลการประเมินความรู้เกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู พบว่า อันดับ 1 คือ การคำนวณ แปลผล สถิติพื้นฐาน (x̄= 3.808 s = .652 ) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ การวางแผนการวิจัยในชั้นเรียน (x̄= 3.660 s = .593) อยู่ในระดับมาก อันดับ 3 คือ การเก็บรวบรวมข้อมูล (x̄= 3.497 s = .689) อยู่ในระดับปานกลาง อันดับ 4 คือ การสะท้อนผลกลับ การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียน (x̄= 3.480 s = .611) อยู่ในระดับปานกลาง อันดับ 5 คือ การคำนวณ แปลผล สถิติอ้างอิง และการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล (x̄= 3.465 s = .620) อยู่ในระดับปานกลาง
เอกสารอ้างอิง
[2] สุวิมล ว่องวานิช. 2554. การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน.พิมพ์ครั้งที่ 15. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
[3] สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. 2546. หลักการ ทฤษฎี และนโยบายการปฏิรูปการอาชีวศึกษา. (ม.ป.ท.)
[4] สรชัย พิศาลบุตร. 2553. การทำวิจัยในชั้นเรียน เรียนรู้กันได้ภายใน 5 ชั่วโมง. กรุงเทพฯ : วิทยพัฒน์.
[5] พิชิต ฤทธิ์จรูญ. 2553. การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
[6] ณัฎฐธิกา เล่าสัม. 2546. การเปรียบเทียบปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จในการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการวิจัยการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
[7] ศราวุธ คำแก้ว. 2546. การวิเคราะห์องค์ประกอบสมรรถภาพครูนักวิจัยในชั้นเรียน. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการวิจัยและพัฒนาการศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร.
[8] วีรพงษ์ แสงทอง. 2553. ความรู้และเจตคติของพนักงานซ่อมบำรุงเครื่องจักรที่มีต่อการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ในโรงงานผลิตชิ้นส่วยอะไหล่รถยนต์ จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 9(2), น.104 – 112.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"