การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานสำหรับพัฒนาสมรรถนะที่พึงประสงค์ของนักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ในสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร

ผู้แต่ง

  • สุพินญา คำขจร สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • ธีรวุฒิ เอกะกุล สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • สมพร ดวนใหญ่ สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

คำสำคัญ:

การจัดการเรียนรู้, การวิจัยเป็นฐาน, สมรรถนะที่พึงประสงค์, อาชีวศึกษา

บทคัดย่อ

การจัดการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานมีความสำคัญต่อการสร้างสรรค์ปัญญาของผู้เรียน การศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐาน สำหรับใช้พัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานในสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร และ 2) พัฒนารูปแบบการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐาน และศึกษาความเหมาะสมของรูปแบบที่พัฒนาขึ้น สำหรับพัฒนาสมรรถนะที่พึงประสงค์ของนักศึกษา ในสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร การดำเนินการขั้นที่ 1 ศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานในสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ 1) สถานศึกษาเกษตร 12 แห่ง สำหรับเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ ผู้ให้ข้อมูลเป็นครูผู้สอน 120 คน นักศึกษา 120 คน และ 2) สถานศึกษาเกษตร 4 แห่ง เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์ ผู้ให้ข้อมูลเป็นนักศึกษา 40 คน เครื่องมือในการเก็บข้อมูลคือ แบบสอบถามความคิดเห็นของครูผู้สอนและนักศึกษา มีค่า IOC 0.60-1.00 และมีความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.9413 และ 0.9690 และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง มีค่า IOC 0.80-1.00 ขั้นที่ 2 กลุ่มเป้าหมายคือผู้เชี่ยวชาญ 16 คน สำหรับตรวจความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานที่พัฒนาขึ้น เครื่องมือในการเก็บข้อมูลคือ แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้น มีค่า IOC 0.60-1.00 และมีความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.9514 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลปรากฏว่า

  1. สภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานในสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร พบว่ากิจกรรมการเรียนรู้ที่มีการปฏิบัติค่อนข้างน้อย ในกระบวนการเรียนรู้ขั้นเตรียมการ ได้แก่ 1) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามลำดับกระบวนการวิจัย 2) การจัดสถานการณ์จำลองให้นักศึกษาคิดแก้ปัญหาหรือหาคำตอบ และ 3) การเปิดโอกาสให้นักศึกษามีส่วนร่วมวางแผนการเรียนรู้ ในขั้นเรียนรู้ ได้แก่ 1) การชี้แจงการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ให้นักศึกษารับทราบ 2) การสนับสนุนให้นักศึกษาปฏิบัติการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และ 3) การให้ข้อมูลป้อนกลับแก่นักศึกษาหลังจากประเมินการเรียนรู้ และในขั้นสรุป ได้แก่ 1) การให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 2) การให้นักศึกษาสรุปการเรียนรู้และสะท้อนความรู้ และ 3) การส่งเสริมให้นักศึกษาคิดต่อยอดในการศึกษาค้นคว้าต่อไป
  2. รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ ได้แก่ การเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐาน ความรู้ด้านการวิจัยและกระบวนการวิจัย การคิดวิเคราะห์ การคิดแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการประเมินตามสภาพจริง และมีกระบวนการเรียนรู้ 7 ขั้นตอน ได้แก่ 1) เตรียมความพร้อมด้านการวิจัย 2) สร้างสถานการณ์กระตุ้นการเรียนรู้ด้วยการวิจัย 3) วางแผนจัดการเรียนรู้และประเมินผลการเรียนร่วมกัน 4) เรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัย 5) สรุปความรู้และสะท้อนผลการเรียนรู้ 6) นำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ 7) ประเมินผลการเรียนรู้ ผลการตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐาน โดยผู้เชี่ยวชาญพบว่า รูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมในระดับมาก

ดังนั้นทั้งผู้เรียนและผู้สอนในยุคปัจจุบันจึงจำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัย เพื่อบูรณาการกับกิจกรรมการเรียนการสอนอันเป็นแนวทางสร้างสรรค์ความรู้ด้วยปัญญา

เอกสารอ้างอิง

[1] สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. 2555. การกำหนดเป้าหมายการผลิตและแผนพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา. กรุงเทพฯ: เครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ศูนย์กำลังคนอาชีวศึกษา.

[2] สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. 2555. การศึกษาวิจัยความต้องการกำลังคนเพื่อวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.

[3] อกนิษฐ์ คลังแสง. 2553. พลิกโฉมคุณภาพอาชีวศึกษาไทยด้วยภาคีเครือข่ายเข้มแข็ง.[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:https://news.thaischool.in.th (วันที่ค้นข้อมูล: 9 พฤศจิกายน 2555).

[4] Green, R. 2012. Attitudes and Perceptions of Vocational Education in New York City: Implications for the Mayor’s School Reform Initiative. Doctor of Education, North Central University.

[5] Papert, S. 2006. Constructionism. [online]. Retrieved from https://https://sites.google.com (October 30, 2012).

[6] Dempster, J. 2003. Developing and supporting research-based learning and teaching through technology. Usability Evaluation of Online Learning Programs, United Kingdom: Idea Group Inc.

[7] Healey, M. and Jenkins, A. 2009. Developing undergraduate research and inquiry. In The Higher Education Academic. Heslington: Innovation Way York Science Park.

[8] Griffiths, R. 2004. Knowledge production and the research-teaching nexus: the case of the built environment disciplines. Journal of Studies in Higher Education. 9(6), p. 709-726.

[9] Healey, M. 2005. “Research Based Learning and Teaching,” Journal of Geography in Higher Education, 9, p.183-201.

[10] ทิศนา แขมมณี. 2553. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

[11] “พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551,”2551. ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 125 ตอนที่ 43 ก.หน้า 3. 5 มีนาคม 2551.

[12] McKinney, K. 2009. Active Learning. [online]. Retrieved from https://www.cat.ilstu.edu/additional/tips/newActive.php (June 30, 2010).

[13] Donald Clark. 2003. Instructional System Design-Analysis Phase. [online]. Retrieved from https://www.nwlink.com/donclark/hrd (June 21, 2011).

[14] บุญเลี้ยง ทุมทอง. 2556. ทฤษฎีและการพัฒนารูปแบบ การจัดการเรียนรู้ (Theories and Development of Instructional Model). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เอส พริ้นติ้งไทยแฟคตอรี่.

[15] นฤมล รอดเนียม. 2554. การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ แบบผสมผสานโดยใช้การวิจัยเป็นฐานเพื่อพัฒนาจิตวิทยาศาสตร์สำหรับนิสิตปริญญาตรี. วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร.

[16] Brew, A. and Jewell, Evan. 2012. Enhancing Quality Learning through Experiences of Research-Based Learning: Implication for Academic Development. International Journal for Academic Development, 17(1) P. 47-58.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2014-04-30

รูปแบบการอ้างอิง

คำขจร ส., เอกะกุล ธ., & ดวนใหญ่ ส. (2014). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานสำหรับพัฒนาสมรรถนะที่พึงประสงค์ของนักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ในสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 14(1), 83–90. สืบค้น จาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JIE/article/view/123821

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย