การศึกษาการรับรู้ระยะ และขนาดที่ว่างในงานสถาปัตยกรรมผ่านระบบความจริงเสมือนของ นิสิตสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ผู้แต่ง

  • พิทาน ทองศาโรจน์ ภาควิชานวัตกรรมอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

คำสำคัญ:

การรับรู้ระยะ, การรับรู้ขนาดที่ว่าง, ระบบความจริงเสมือน, นิสิตสถาปัตยกรรม

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการรับรู้ระยะ และขนาดของที่ว่างในงานสถาปัตยกรรมโดยการทดสอบกับนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 และ 3 ที่ลงเรียนในรายวิชา 01240271 และรายวิชา 01240371 จำนวน 42 คน ด้วยการใช้ผลการเปรียบเทียบความถูกต้องของแบบแปลนห้องตัวอย่าง กับแบบแปลนที่นิสิตเขียนขึ้นจากแบบทดสอบ 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 แบบทดสอบที่มีภาพจำลองคอมพิวเตอร์ 3 มิติจากห้องตัวอย่าง 3 ขนาด ช่วงที่ 2 แบบทดสอบจากการรับรู้ระยะ และขนาดที่ว่างที่มาจากพื้นที่จริงได้แก่ ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ช่วงที่ 3 แบบทดสอบผ่านทางระบบความจริงเสมือนที่แสดงห้องตัวอย่าง 2 ห้อง พร้อมทางเดินเชื่อม โดยผลทดสอบที่ได้จะถูกประเมินความถูกต้องเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นนำค่าที่ได้แปลงเป็นค่าระดับ 5 ระดับขั้น ตั้งแต่ 1 ถึง 5 เพื่อประเมินผลเป็นค่าคะแนนคุณภาพด้วยการทำเป็นค่าสถิติ ในรูปค่าเฉลี่ย (gif.latex?\bar{x}) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ผลการวิจัยพบว่า 1.คุณภาพของระบบความจริงเสมือน (virtual reality) ที่มีต่อความรู้สึกของผู้ใช้ว่ามีความเหมือนจริงอยู่ในระดับมาก โดยเมื่อแยกเป็นผลตามระดับชั้นปีพบว่าในชั้นปีที่ 3 มีค่าความรู้สึกที่เหมือนจริงระดับมาก แต่ในชั้นปีที่ 2 มีค่าความรู้สึกที่เหมือนจริงระดับปานกลาง ซึ่งเป็นผลที่มาจากเรื่องประสบการณ์ผู้เรียน และปัญหาที่พบเกี่ยวกับการใช้งานในระบบความจริงเสมือนได้แก่ การเกิดอาการมึนงง ศีรษะ และปัญหาในการเคลื่อนที่ในระบบที่ยังไม่เป็นธรรมชาติมากนัก 2.เมื่อพิจารณาคุณภาพของเครื่องมือในการสื่อสารทางแบบสถาปัตยกรรมทั้ง 3 รูปแบบในการทดสอบปรากฏว่า เครื่องมือในลักษณะที่เป็นรูปแบบสภาพแวดล้อมจริงมีค่าคุณภาพของเครื่องมืออยู่ในระดับมาก เครื่องมือในลักษณะที่เป็นรูปแบบภาพจำลอง 3 มิติ มีค่าคุณภาพของเครื่องมืออยู่ในระดับปานกลาง และเครื่องมือในลักษณะที่เป็นรูปแบบระบบความจริงเสมือนมีค่าคุณภาพของเครื่องมืออยู่ในระดับปานกลาง

เอกสารอ้างอิง

[1] Gibson, E. & Walk, R.D. 1960. The Visual Cliff. USA: Nature America, Inc.

[2] ธนัญญา ธีระอกนิษฐ์. 2555. รายวิชา GB2000 พฤติกรรมมนุษย์ เพื่อการพัฒนาตน. เอกสารประกอบการสอนมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. (เอกสารอัดสำเนา).

[3] Schmitt, G. (1999). Information architecture: Basis of CAAD and its future. Basel, Switzerland: Birkhauser.

[4] Campbell, D. A., & Wells, M. 2008. A critique of virtual reality in the architectural design process.(Online) Retrieved from https://cumincad.scix.net/ data/works/att/0e58.content.pdf (May 13, 2016).

[5] F.D. Rose. 1996. Virtual Reality in rehabilitation following traumatic brain injury. Department of Psychology, University of East London.

[6] อิทธิญา อาจรักษา 2556. การพัฒนารูปแบบพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เสมือนจริง.ปริญญานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีการศึกษา, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

[7] Oculus VR, LLC. 2016. Rift Next-generation virtual reality.(Online)Retrieved from https://www3.oculus.com/en-us/rift/ (May 25, 2016).

[8] Epic Games. 2016. What is unreal engine 4.(Online) Retrieved fromhttps://www.unrealengine.com/what-is-unreal-engine-4 (April 26, 2016).

[9] Wikipedia. 2016. Omnidirectional treadmill. (Online) Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/ Omnidirectional treadmill (April 15, 2016).

[10] มนัญชยา เรืองวงศ์โรจน์. 2558. การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ของเกษตรกรผู้ผลิต เทศบาลตำบลเกษตรพัฒนา อำเภอบ้านแพร้ว จังหวัดสมุทรสาคร. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 14(2), น.18-25.

[11] Jon Brouchoud. 2010. Architectural Visualization with the Unity3D Game Engine. Retrieved from https://archvirtual.com/2010/10/21/realtime-architectural-visualization-with-unity3d/ (April 26, 2016).

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2016-12-30

รูปแบบการอ้างอิง

ทองศาโรจน์ พ. (2016). การศึกษาการรับรู้ระยะ และขนาดที่ว่างในงานสถาปัตยกรรมผ่านระบบความจริงเสมือนของ นิสิตสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 15(3), 82–89. สืบค้น จาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JIE/article/view/122732

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย