การวิเคราะห์องค์ประกอบภาวะผู้นำของผู้บริหารสตรีในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • นารี ตันบัว คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
  • อำภาพรรณ ตันตินาครกูล สาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
  • กาญจนา บุญภักดิ์ สาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

คำสำคัญ:

ผู้บริหารสตรี, ภาวะผู้นำ, องค์ประกอบ, วิเคราะห์องค์ประกอบ, โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการวิเคราะห์องค์ประกอบภาวะผู้นำของผู้บริหารสตรีในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือครูสังกัดสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2558 จำนวน 329 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือแบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำของผู้บริหารสตรีในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครตามความคิดเห็นของครู เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.60 - 1.00 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.99 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจครั้งนี้ใช้การสกัดองค์ประกอบด้วยเทคนิคแกนสำคัญ และหมุนแกนแบบมุมฉาก ด้วยวิธีของ Varimax ผลการวิจัย พบว่าองค์ประกอบภาวะผู้นำของผู้บริหารสตรีในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร มี 5 องค์ประกอบ คือ 1) พฤติกรรมความเป็นผู้นำ 2) จริยธรรม 3) งานวิชาการ 4) มนุษยสัมพันธ์ และ 5) การทำงานเป็นทีม นอกจากนั้นทั้ง 5 องค์ประกอบ สามารถอธิบายความแปรปรวนได้ร้อยละ 75.110 ของความแปรปรวนสะสมทั้งหมด

เอกสารอ้างอิง

[1] Kanchana B. 2015. Skill and Technical Learning Management to Excellence. Journal of industrial Education, 14(1) น.1.

[2] พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต). 2552.การพัฒนาที่ยั่งยืน. กรุงเทพฯ : โกมลคีมทอง.

[3] สร้อยตระกูล (ติวยานนท์) อรรถมานะ. 2550. พฤติกรรมองค์การ : ทฤษฏีและการประยุกต์. (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.

[4] ติน ปรัชญพฤทธิ์. 2553. ทฤษฎีองค์การ (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ : อินทภาษ.

[5] จักรพรรดิ วะทา. 2552. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารการศึกษา. วารสารข้าราชการครู,12(2) น.18-19.

[6] Fiedler. 2008. A theory of leadership effectiveness. NY: McGraw-Hill.

[7] Reddin. W.G. 1970. Managerialeffectiveness. New York: McGraw-Hill Book.

[8] Hoy and Miskel. 2001. Educational Administration : Theory, Research and Practice. 8th ed. Mc Graw – Hill International Edition

[9] Hair, Joseph F.2012. Multivariate Data Analysis : A Global Perspective. Pearson Education, Inc., Upper Saddle River,New Jersey, USA. Seventh Edition.

[10] กัลยา วานิชยบัญชา. 2552. การวิเคราะห์ข้อมูลหลายตัวแปร. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

[11] วรรณดี เกตแก้ว. 2552. ศึกษาองค์ประกอบคุณลักษณะของผู้นำสตรีทางการศึกษาในภาคใต้. ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต. สาขาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย,มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ.

[12] การุณันทน์ รัตนแสนวงษ์. 2555. ภาวะผู้นำ ของผู้บริหารสตรีมหาวิทยาลัยภาครัฐและเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร. ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต. รัฐประศาสนศาสตร์. มหาวิทยาลัยศรีปทุม.

[13] ศิริประภา ศิลาโท. 2551. การศึกษาคุณลักษณะของผู้บริหารสตรีตามสภาพจริงและที่คาดจริงตามความคิดเห็นของครูผู้สอนในโรงเรียนสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี.ครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต.สาขาการจัดการและนวัตกรรม.‎ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี‎‎.

[14] สายรุ้ง อรรถยูร. 2556. ศึกษารูปแบบคุณลักษณะและพฤติกรรมผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา ที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู.ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต. คณะครุศาสตร์. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.

[15] Boonchan S. 2014. Analysis Factors fo Servant leaderships qualities of teacher under the Office of the Vocational Education Commission, Ministry of Education. Journal of industrial Education, 13(2), น. 58-65.

[16] วิเชียร กายเย็น. 2552. องค์ประกอบในการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อคุณภาพผู้เรียน. ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต. สาขาการบริหารการศึกษา.คณะศึกษาศาสตร์. มหาวิทยาลัยสยาม.

[17] สุภาวดี นพรุจจินดา. 2553. องค์ประกอบภาวะผู้นำผู้บริหารวิทยาลัยพยาบาล.ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต. สาขาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2016-08-31

รูปแบบการอ้างอิง

ตันบัว น., ตันตินาครกูล อ., & บุญภักดิ์ ก. (2016). การวิเคราะห์องค์ประกอบภาวะผู้นำของผู้บริหารสตรีในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 15(2), 94–101. สืบค้น จาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JIE/article/view/122542

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย