การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ โดยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานสำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน, บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน, การวิเคราะห์โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์, แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานกับการจัดการเรียนแบบปกติ เรื่องการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนคลองนาเกลือน้อย(กลิ่นอยู่อุปถัมภ์) จำนวน 2 กลุ่ม กลุ่มที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานกับการจัดการเรียนแบบปกติกลุ่มละ 20 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 ซึ่งได้มาจากการเลือกสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เวลาที่ใช้ในการทดลอง 5 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เรื่องการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ 2) แผนการจัดการเรียนรู้แบบปกติ เรื่องการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ 3) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การวิเคราะห์โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ การประเมินคุณภาพของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มี 2 ด้าน คือ (1) การประเมินคุณภาพด้านเนื้อหา (2) การประเมินคุณภาพด้านเทคนิคการผลิตสื่อ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 20 ข้อ ซึ่งมีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างเนื้อหากับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมเท่ากับ 1.00 ค่าความยากง่ายเท่ากับ 0.70 -0.80 ค่าอำนาจจำแนกเท่ากับ 0.20-0.50 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.79 5) แบบทดสอบทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ซึ่งมีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างเนื้อหากับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เท่ากับ 1.00 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ t-test แบบ Independent Samples
ผลการวิจัยพบว่า
1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานเรื่อง การวิเคราะห์โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สูงกว่า นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบปกติ เรื่องการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
2) ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานกับการเรียนแบบปกติเรื่องการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สูงกว่า นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบปกติเรื่องการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
เอกสารอ้างอิง
Prapan, P.,2007. Presentation formats Blended learning with learning together on a science project for training solutions mathayomsuksa1 . Thesis in Master of Science Degree in Science Education , chulalongkorn University.
[2] อาภรณ์ ใจเที่ยง. 2540. หลักการสอนคณิตศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.
[3] Seels, B.,&Glasgow,Z.1998. Making Instructional Design Decisions. 2nd ed. Upper Saddle River. NJ: Merrill
[4] Carman, E. 2002. “Leadership for the effective and productiveschool.Springfield”, IL: Charles C Thomas publisher.
[5] ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. สถิติวิทยาทางการวิจัย.กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น, 2540.
[7] อภิชาติ อนุกูลเวช. 2553. ทฤษฎีทางการศึกษา. [Online]Available:https://www.chontech.ac.th/~abhichat/Edu_Theory/Edu_McClelland.htm.
[8] ศิริรัตน์ เพ็ชร์แสงศรี. 2555. บทความปริทัศน์ การเรียนแบบผสมผสานและการประยุกต์ใช้Blended Learning and Its Applications.วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 11(1), น.1-5.
Sirirat, P.2012. Review article Blended Learning And the application of Blended Learning and Its Applications. Journal of Industrial Education. 11 ( 1 ) , p. 1-5.
[9] Merritt, Paul F. ;et al. (1992) . Computers in Education. 2 nd ed. U.S.A. : Allyn and Bacon.
[10] กรมวิชาการ. 2545. การวิจัยเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและครุภัณฑ์.
[11] Carpenter, T. 1999. Teaching and learning mathematicswithunderstanding.Mahwah, NJ: Lawrence Erlbaum Associates.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"