การศึกษาภูมิทัศน์วัฒนธรรมชุมชนย่านวัดพระธาตุหริภุญชัยเพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์สาธารณะ

ผู้แต่ง

  • สุธาสินีน์ บุรีคำพันธุ์ สาขาวิชาทัศนศิลป์และการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ชลบุรี
  • เกรียงศักดิ์ เขียวมั่ง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ชลบุรี
  • คุ้มพงศ์ หนูบรรจง สาขาวิชาครุศาสตร์สถาปัตยกรรมและการออกแบบ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

คำสำคัญ:

ภูมิทัศน์วัฒนธรรม, ชุมชนย่านวัดพระธาตุหริภุญชัย, ผลิตภัณฑ์สาธารณะ, หริภุญชัย

บทคัดย่อ

การศึกษาภูมิทัศน์วัฒนธรรมชุมชนย่านวัดพระธาตุหริภุญชัยเพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์สาธารณะ มีวัตถุประสงค์ในการวิจัย 3 ประการ คือ 1) ศึกษาบริบทชุมชนย่านวัดพระธาตุหริภุญชัยที่ประกอบไปด้วย ประวัติศาสตร์และความเป็นมาของชุมชน สภาพสังคมและวิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรม และนโยบายการพัฒนาเมือง 2) ออกแบบผลิตภัณฑ์สาธารณะประเภทป้ายถนนสำหรับ 4 ชุมชน ที่มีอัตลักษณ์แตกต่างกัน 3) สำรวจความคิดเห็นของคนในบริเวณชุมชนย่านวัดพระธาตุหริภุญชัยที่มีต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์สาธารณะ

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในชุมชนย่านวัดพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งประกอบด้วย 4 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านท่า-ท่านาง จำนวน 154 คน ชุมชนศรีบุญเรือง จำนวน 108 คน ชุมชนชัยมงคล จำนวน 168 คน และชุมชนท่าขาม-บ้านฮ่อม จำนวน 232 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบใช้ความน่าจะเป็น โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น

ผลการวิจัยพบว่า คนในชุมชนชัยมงคลมีความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์สาธารณะประเภทป้ายถนนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.76 และความคิดเห็นของชุมชนที่มีต่อนโยบายการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนชัยมงคล พบว่า คนในชุมชนมีความคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับมาก คือมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 3.80, คนในชุมชนศรีบุญเรืองมีความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์สาธารณะประเภทป้ายถนนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.73 และความคิดเห็นของชุมชนที่มีต่อนโยบายการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนศรีบุญเรือง พบว่า คนในชุมชนมีความคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับมาก คือมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 3.98, คนในชุมชนบ้านท่า-ท่านางมีความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์สาธารณะประเภทป้ายถนนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.06 และความคิดเห็นของชุมชนที่มีต่อนโยบายการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนบ้านท่า-ท่านางพบว่า คนในชุมชนมีความคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับดี คือมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.26 และคนในชุมชนท่าขาม-บ้านฮ่อมมีความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์สาธารณะประเภทป้ายถนนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.19 และ ความคิดเห็นของชุมชนที่มีต่อนโยบายการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนท่าขาม-บ้านฮ่อม พบว่า คนในชุมชนมีความคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับมาก คือมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.10

สรุปโดยภาพรวมของความคิดเห็น ชุมชนต่างๆ ต้องการให้โครงการต่างๆ ในการพัฒนาเมืองลำพูน อยากให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ควรเน้นอัตลักษณ์ที่ชัดเจนและสามารถเข้ากับภูมิทัศน์เมืองหริภุญชัย

เอกสารอ้างอิง

[1] นักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. 2553. แผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าลำพูน. กรุงเทพฯ: กระทรวงสิ่งแวดล้อม.

[2] อภิญญา เฟื่องฟูกิจ. 2546. อัตลักษณ์. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ.

[3] บุญชม ศรีสะอาด. 2535. การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาสน์.

[4] ล้วน สายยศและอังคณา สายยศ. 2538. เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาสน์.

[5] วาโร เพ็งสวัสดิ์. 2551. วิธีวิทยาการวิจัย.กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาสน์.

[6] William R. Shadish, 1998. Theory of Evaluation. Available from https://www.stesapes.med.ulg.ac.be/Documents_electroniques/EVA/EVA-GEN/ELE%20EVA-GEN%207231.pdf

[7] สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. 2555 การเตรียมการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.onep.go.th (วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557).

[8] พรชัย สุตันไชยนนท์. 2537. การศึกษาจินตภาพเมืองลำพูนเพื่อการอนุรักษ์. วิทยานิพนธ์หลักสูตรการวางแผนภาคและเมืองมหาบัณฑิต ภาควิชาการวางแผนภาคและเมืองบัณฑิตวิทยาลัย. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

[9] ธเนศ ภิรมย์การ และคณะ. 2556. การพัฒนาวัสดุจากพืชวงศ์หญ้าร่วมกับเศษวัสดุจากการเกษตรกรรมเพื่อประยุกต์ใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์. วารสารครุศาสตร์ อุตสาหกรรม, 12(2), น.69-76.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2014-08-25

รูปแบบการอ้างอิง

บุรีคำพันธุ์ ส., เขียวมั่ง เ., & หนูบรรจง ค. (2014). การศึกษาภูมิทัศน์วัฒนธรรมชุมชนย่านวัดพระธาตุหริภุญชัยเพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์สาธารณะ. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 13(2), 81–88. สืบค้น จาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JIE/article/view/26533

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย