สภาพแวดล้อมของอาคารเรียนสถาปัตยกรรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

Main Article Content

วิไลวรรณ พานทอง
กวีวรรณ อินทรชาธร

บทคัดย่อ

การวิจัยสภาพแวดล้อมของอาคารเรียนสถาปัตยกรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักศึกษา และลักษณะสภาพแวดล้อมของอาคารเรียนสถาปัตยกรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสถาปัตยกรรม สาขาวิชาสถาปัตยกรรมภายใน และสาขาวิชาการจัดการผังเมือง จำนวน 196 คน การวิจัยรูปแบบผสมผสานเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสำรวจ แบบสังเกต และแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพประกอบกับข้อมูลเชิงปริมาณโดยสถิติพรรณนาด้วยค่าความถี่ ร้อยละ


     ผลการวิจัยพบว่า 1) พฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านพฤติกรรมนอกเวลาเรียนตามธรรมชาติของนักศึกษา มักมีการรวมกลุ่มอยู่ในบริเวณที่มีสภาพอากาศสบาย ลักษณะพื้นที่กึ่งเปิดโล่ง ใช้มือถือสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต กิจกรรมประชุม ทำงานกลุ่ม ทำการบ้าน ผสมกับการพักผ่อน 2) ลักษณะสภาพแวดล้อมของอาคารเรียนสถาปัตยกรรมควรเอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยตนเองในทุกที่ทุกเวลาและเหมาะสมต่อการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ การมีสภาพอากาศที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักศึกษาเรียนรู้อย่างมีความสุข คำนึงถึงการมีพื้นที่สีเขียวหรือธรรมชาติในบริเวณต่างๆของอาคารเรียนเพื่อสร้างสภาวะสบายช่วยให้มีสมาธิส่งผลให้ทำงานได้ดี สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ควรมีสัญญานอินเทอร์เน็ตครอบคลุม มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับทำงานร่วมกันได้อย่างยืดหยุ่น อยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่าย รูปแบบเป็นกันเอง ร้อยละ 57.10 ลักษณะพื้นที่แบบกั้นบางส่วน ร้อยละ 48.00 สีโทนเย็น ร้อยละ 82.10 จัดเฟอร์นิเจอร์แบบผสมหลากหลาย ร้อยละ 57.70 ที่นั่งแบบกลุ่ม 3-4 คน ร้อยละ 40.30 และมีบรรยากาศผ่อนคลาย ร้อยละ 62.20

Article Details

How to Cite
พานทอง ว., & อินทรชาธร ก. . (2020). สภาพแวดล้อมของอาคารเรียนสถาปัตยกรรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 19(2), 119–128. สืบค้น จาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JIE/article/view/240812
บท
บทความวิจัย

References

National Education Act B.E. 2010. Second National Education Act B.E. 2002. [online]. Retrieved from https://person.mwit.ac.th/01-Statutes/NationalEducation.pdf

Thitsana Khammanee. 2009. Teaching Science: Knowledge for effective learning process management. 10th ed. Bangkok: Chulalongkorn University Press.

Pensir Janin. 2009. The Development Guideline to Set Up Self Directed Learning Environment for Rajabhat Kamphaeng Phet University Dormitory’s Students. Research Report Faculty of Management, Kamphaeng Phet Rajabhat University.

Busakorn Romyanond. 2015. Design for Self – Directed Learning Spaces in University Case Study at Thammasat University, Rangsit, Journal of Architectural/Planning Research and Studies (JARS), 12(1), p.1-28.

Marisa Thamma. 2002. Students' satisfaction on the environment of Burapha University Sakaeo Campus. Master of Education Program in Educational Administration, Burapha University.

Chiroj Soorapanth. 2015. Constructing Learning Space. Vajira Medical Journal, 59(4), p.29-34.

Yamane T. 1976. Statistics: An introductory analysis. 2nd ed. New York: Harper and Row.

Bellanca, J and Brandt, R. 2011. 21st Century Skills: Rethinking How Students Learn. Translated by Worapot Wongkitrungruang and Athip Jitrerk. 1st ed. Bangkok: Openworlds.

Washor E. 2003. Innovative Pedagogy and School Facilities. [online]. Retrieved from http://www. archachieve.net/smallschools/Resources/articles/washor.pdf

Manatsawee Srinont. 2018. Theory of Generation and Cognitive Framework. MBU Education Journal : Faculty of Education Mahamakut Buddhist University, 6(1), p.364-373.

Manatsanan Hutasak. 2015. The creation Cognition Teaching and learning process. [online]. Retrieved from http://genzbynpeak.blogspot.com/2017/05/gen-z.html