การพัฒนาสื่อเทคโนโลยีเสมือนจริง เรื่องสร้างงานแอนิเมชั่นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ผู้แต่ง

  • สุนทรี มนตรีศรี ภาควิชาครุศาสตร์อุตสาหกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520
  • ทนงศักดิ์ โสวจัสสตากุล ภาควิชาครุศาสตร์อุตสาหกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520

คำสำคัญ:

สื่อเทคโนโลยีเสมือนจริง, สร้างงานแอนิเมชั่น, ประสิทธิภาพของสื่อ, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสื่อเทคโนโลยีเสมือนจริง เรื่องสร้างงานแอนิเมชั่น วิชาเทคโนโลยีสื่อประสม สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก ที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างกลุ่มที่เรียนผ่านสื่อเทคโนโลยีเสมือนจริงกับกลุ่มที่เรียนรู้ด้วยวิธีแบบปกติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 3 กลุ่ม กลุ่มละ 30 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 90 คน ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) กลุ่มที่ 1 หาประสิทธิภาพของการเรียนรู้ที่เรียนด้วยสื่อเทคโนโลยีเสมือนจริง กลุ่มที่ 2 หาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยสื่อเทคโนโลยีเสมือนจริง กลุ่มที่ 3 หาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยวิธีแบบปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยสื่อเทคโนโลยีเสมือนจริง วิชาเทคโนโลยีสื่อประสม เรื่องสร้างงานแอนิเมชั่น แบบประเมินคุณภาพ และแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่าง 0.67-1.00 ค่าความยากง่าย (p) ระหว่าง 0.50-0.77 ค่าอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.20-0.53 และมีค่าความเชื่อถือได้ (KR-20) เท่ากับ 0.70 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือค่าเฉลี่ย (gif.latex?\bar{x}) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) และการทดสอบค่าที (t-test for Independent Samples) ชนิดสองกลุ่มเป็นอิสระต่อกัน

ผลการวิจัยพบว่า สื่อเทคโนโลยีเสมือนจริงมีคุณภาพด้านเนื้อหาและคุณภาพด้านเทคนิคผลิตสื่อโดยภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก (gif.latex?\bar{x} = 4.65, S = 0.29) โดยคุณภาพด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดีมาก (gif.latex?\bar{x} = 4.85, S = 0.17) และคุณภาพด้านเทคนิคผลิตสื่ออยู่ในระดับดี (gif.latex?\bar{x} = 4.44, S = 0.29) มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2  เท่ากับ 90.67/89.83 ซึ่งเป็นตามเกณฑ์ 80/80 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้สื่อเทคโนโลยีเสมือนจริงสูงกว่านักเรียนที่เรียนรู้ด้วยวิธีแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญ

เอกสารอ้างอิง

Sukon Sinthapanan. 2012. Knowledge Management of Modern Teachers for Enhancing Learners’ Skills in The 21st Century. Bangkok : 9119 Printing techniques.

Academic Division, The Books Publisher. 2013. National Education Act 1999, Amendment No. 2, 2002, Amendment No. 3, 2010. Bangkok : Charoenrat Printing.

Wiwat Meesuwan. 2015. Developing Augmented Reality with Processing and OpenSpace3D. Bangkok: Chulalongkorn University Press.

Thanomporn Laohajaratsang. 2001. "Web-based instruction, innovation for teaching quality". Journal of Education, 28(1), p.87-94.

Seels, B. & Glasgow, Z. 1998. Making Instructional Design Decisions (2nd. ed.). OH: Columbus. Prentice Hall.

Chaiyong Promwong and faculty. 1977. Teaching media system. Bangkok : Chulalongkorn University Press.

Yaowadee RangchaiKun wibunsri. 2013. Measurement and creation of achievement tests. Bangkok : Chulalongkorn University Press.

Natthakorn Songkarm. 2014. Design & Development Multimedia for Learning. 3rd ed. Bangkok : Chulalongkorn University Press.

Saowapa Klinsougnoen. 2015. Development of Augmented Reality on Computer Operation for Grade 7 Students. Journal of Industrial Education, 14(3), p.288-295.

Jakkaphun Nilphat.2018. Augmented Reality learning media on Solar Energy. Journal of Industrial Education, 17(2), p.207-214.

Kansee Woraard. 2014. Development of Augmented Reality Supplementary Book on Singapore via iPad for Mathayomsuksa 1 Students. Master of Education (Educational Communications and Technology). Department of Educational Technology, Kasetsart University.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-08-25

รูปแบบการอ้างอิง

มนตรีศรี ส., & โสวจัสสตากุล ท. (2019). การพัฒนาสื่อเทคโนโลยีเสมือนจริง เรื่องสร้างงานแอนิเมชั่นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 18(2), 40–47. สืบค้น จาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JIE/article/view/201156

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย