ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ : กรณีศึกษา บริษัทไทยเมจิฟาร์มาซิวติคัล จำกัด

ผู้แต่ง

  • สุจิรา วุฒิโสภณ วิทยาลัยการบริหารและจัดการ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
  • ชัยสิทธิ์ ทองบริสุทธิ์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
  • ณัฐวุฒิ โรจน์นิรุตติกุล วิทยาลัยการบริหารและจัดการ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

คำสำคัญ:

องค์การแห่งการเรียนรู้, โครงสร้างองค์การ, วัฒนธรรมองค์การ, การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี, การจัดการความรู้

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ (1) เพื่อศึกษาระดับองค์การแห่งการเรียนรู้ของบริษัท ไทยเมจิฟาร์มาซิวติคัล จำกัด (2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ของบริษัท ไทยเมจิฟาร์มาซิวติคัลจำกัด  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาผู้วิจัยได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากพนักงานบริษัท ไทยเมจิฟาร์มาซิวติคัล จำกัด จำนวน 179 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือแบบสอบถาม และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ โดยสถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณ ในการทดสอบสมมติฐาน โดยมีตัวแปรอิสระ คือ โครงสร้างองค์การ วัฒนธรรมองค์การ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง และการจัดการความรู้ และมีตัวแปรตาม คือ ความคิดเชิงระบบ แบบแผนความคิด วิสัยทัศน์ร่วม การเรียนรู้เป็นทีม และการรอบรู้แห่งตน

     ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

     1) ระดับองค์การแห่งการเรียนรู้ของบริษัท ไทยเมจิฟาร์มาซิวติคัล จำกัด อยู่ในระดับมาก

     2) โครงสร้างองค์การ วัฒนธรรมองค์การ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี การจัดการความรู้ ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของพนักงานบริษัท ไทยเมจิฟาร์มาซิวติคัล จำกัด โดยตัวแปรอิสระทุกตัวสามารถอธิบายความผันแปรขององค์การแห่งการเรียนรู้ของพนักงานบริษัท ไทยเมจิฟาร์มา ซิวติคัล จำกัด  ได้ร้อยละ 85.2

เอกสารอ้างอิง

[1] Senge, Peter M . 1990 .The Fifth Discipline: The Art and Practice of The Learning Organization.

[2] วรธรรม พงษ์สีชมพู. 2556. Factors Affecting Learning Organization. วารสารวิทยบริการ, 24(1), น.159-186.

[3] Bass, B. M., & Avolio, B. J. 1994. Improving organizational effectiveness through transformational leadership. Thousand Oaks, CA: Sage.

[4] Marquardt, M. 1996 . Building Thelearning Organization. New York: Mc.Graw-Hill.

[5] Yamane,Taro.1973. Statistics: An Introductory Analysis. Third edition. New York : Harper and Row Publication.

[6] จิระเสกข์ ตรีเมธสุนทร และณัฐวุฒิ โรจน์นิรุตติกุล. 2555. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการองค์ความรู้ของบุคลากรภายในสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 8(2), น.175-182.

[7] วีระวัฒน์ ปันนิตามัย. 2543. การพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: ธีระป้อมวรรณกรรม.

[8] ศิริรัตน์ ชำนาญณรงค์ศักดิ์. 2547. ผลกระทบของพฤติกรรมผู้นำและวัฒนธรรมองค์การต่อการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้: กรณีศึกษาโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนที่ผ่านการรับรองคุณภาพโรงพยาบาล . ค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2556 จาก https:// hdl.handle.net/11228/1715

[9] ลือชัย จันทร์โป๊. 2546. รูปแบบการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียนอาชีวศึกษา คาทอลิก. ครุศาสตร์อุตสาหกรรมดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารอาชีวศึกษา สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง.

[10] พสุ เดชะรินทร์. 2546. กลยุทธ์ใหม่ในการจัดการ. กรุงเทพฯ: ผู้จัดการ.

[11] จำเริญ จิตรหลัง และชุมศักดิ์ อินทร์รักษ์. 2552. รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยการจัดการความรู้ที่ส่งผล ต่อองค์การแห่งการเรียนรู้ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในจังหวัดภาคใต้.วารสารสงขลานครินทร์ ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร, 15(3) , น. 379-394.

[12] กนกอร ยศไพบูลย์และคณะ. 2547. การพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบลสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้. รายงานการวิจัยทุนอุดหนุนการวิจัยของสภาแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2547.

[13] ดารุวรรณ ศรีแก้ว .2549. ปัจจัยระดับครูและปัจจัยระดับโรงเรียนที่มีความเกี่ยวข้องกับวินัยในการสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียน. ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2015-04-30

รูปแบบการอ้างอิง

วุฒิโสภณ ส., ทองบริสุทธิ์ ช., & โรจน์นิรุตติกุล ณ. (2015). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ : กรณีศึกษา บริษัทไทยเมจิฟาร์มาซิวติคัล จำกัด. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 14(1), 258–265. สืบค้น จาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JIE/article/view/124493

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย