รูปแบบการดื้อต่อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรียที่แยกได้จากสุขาสาธารณะ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การตรวจประเมินการปนเปื้อนแบคทีเรียดื้อต่อยาปฏิชีวนะที่แยกได้จากสุขาสาธารณะที่ให้บริการภายในซุปเปอร์มาเก็ตขายปลีกขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานคร โดยวิธีการป้ายเชื้อ และทดสอบความไวต่อยาโดยวิธี agar disc diffusion จากแบคทีเรียที่แยกได้ จำนวนทั้งหมด 186 ไอโซเลต ซึ่งประกอบด้วยแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์ม จํานวน 138 ไอโซเลต ได้แก่ Escherichia coli, Klebsiella pneumoniae, Citrobacter spp. และ Enterobacter spp. จํานวน 110 20 5 และ 3 ไอโซเลตตามลำดับ รวมทั้ง Staphylococcus จำนวน 48 ไอโซเลต ประกอบด้วย S. aureus และ Staphylococcus spp. จํานวน 13 และ 35 ไอโซเลตตามลำดับ โดยการทดสอบความไวต์อยาของแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มด้วยยาปฏิชีวนะจำนวน 5 ชนิด ได้แก่ Ampicillin (AMP) Nalidixic acid (NA) Ciprofloxacin (CIP) Gentamicin (CN) และTrimethoprim-sulfamethoxazole (SXT) และทดสอบความไวต่อยาของ Staphylococcus ต่อยา 2 ชนิดได้แก่ Oxacillin (OX) และ Vancomycin (VA)
ผลการศึกษาพบว่า แบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มดื้อต่อ AMP (ร้อยละ 55.8) และไวต่อ CN (ร้อยละ 97.8)
มากที่สุด โดยพบรูปแบบการไวต่อยา จํานวน 4 รูปแบบหลัก ซึ่งพบดื้อต่อยา 1 และ 2 ชนิด ร้อยละ 50.7 และ 4.4 นอกจากนี้พบแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มดื้อต่อยาแบบหลายชนิด (multi drug resistant) ร้อยละ 3.6 โดยไวต่อยาทั้ง 5 ชนิด ร้อยละ 41.3 ส่วน Staphylococcus ทั้ง 48 ไอโซเลตไวต่อ VA ทั้งหมด แต่ดื้อต่อ OX จํานวน 8 ไอโซเลต (ร้อยละ 16.7) ทั้งนี้พบ Methicillin–resistant Staphylococcus aureus เพียง 2 จาก 13 ไอโซเลต (ร้อยละ 15.4) จากการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนมีความเสี่ยงในการติดเชื้อที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะจากการใช้สุขาสาธารณะ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวของต้องให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการห้องสุขาสาธารณะเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของแบคทีเรียกลุ่มนี้สู่สิ่งแวดล้อม
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.