การศึกษาสภาพการดำเนินงานการพัฒนาอาชีวศึกษาตามนโยบายและยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษา ในทศวรรษที่สอง (พ.ศ.2552-2561) ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานการพัฒนาอาชีวศึกษา ตามนโยบายและยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ.2552-2561) ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 2) เพื่อเปรียบเทียบสภาพการดำเนินงานการพัฒนาอาชีวศึกษา ตามนโยบายและยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ.2552-2561) ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูผู้สอนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำแนกตามตำแหน่งงาน และขนาดของสถานศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารและครูผู้สอน จำนวน 19,491 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 450 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบ t-test One-Way ANOVA และ Scheffe’s Test ผลการวิจัย พบว่า (1) ผู้บริหารและครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทั้งสถานศึกษาขนาดกลางและสถานศึกษาขนาดใหญ่ มีสภาพการดำเนินงานการพัฒนาอาชีวศึกษา ในภาพรวม 4 ด้าน มีระดับการดำเนินงานอยู่ในระดับมาก (=3.80) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ (
=3.87) ด้านยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษา (
=3.85) ด้านการเพิ่มปริมาณผู้เรียนสายอาชีพ (
=3.76) และด้านขยายโอกาสในการเรียนสายอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ (
=3.72) ตามลำดับ (2) สภาพการดำเนินงานการพัฒนาอาชีวศึกษา จำแนกตามตำแหน่งงาน พบว่า มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้บริหาร (
=3.89) มีความคิดเห็นต่อสภาพการดำเนินงานการพัฒนาอาชีวศึกษาสูงกว่าครูผู้สอน (
=3.71) ทุกด้าน (3) ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของสถานศึกษาขนาดกลางและขนาดใหญ่มีสภาพการดำเนินงานการพัฒนาอาชีวศึกษา จำแนกตามขนาดสถานศึกษา พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยสถานศึกษาขนาดใหญ่ (
=4.01) มีสภาพการดำเนินงานการพัฒนาอาชีวศึกษามากกว่าสถานศึกษาขนาดกลาง (
=3.57) ทุกด้าน (4) ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างสภาพการดำเนินการพัฒนาอาชีวศึกษา จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน พบว่า มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"
References
[2] สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. 2556. ภารกิจและนโยบาย. ค้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2556, จาก http://www.vec.go.th
[3] ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและกำลังคนอาชีวศึกษา. 2556. รายงานสรุปจำนวนบุคลากรของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อประกอบการจัดสรรงบประมาณ ประจำปี พ.ศ.2556. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://techno.vec.go.th/Default.aspx?tabid=659 (วันที่ค้นข้อมูล: 10 สิงหาคม 2556).
[4] รวีวรรณ ชินะตระกูล. 2545. วิธีวิจัยการศึกษา. กรุงเทพฯ: เฟื่องฟ้าพริ้นติ้ง.
[5] จักรพงษ์ ถาวรโชติ. 2549. การจัดกิจกรรมบริหารทางวิชาชีพให้ชุมชนของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในจังหวัดฉะเชิงเทรา. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์.
[6] ศรีสุข สุจิระกุล. 2551. ระดับความต้องการพื้นฐานที่เอื้อต่อการศึกษาของนักศึกษาพิการ มหาวิทยาลัยรามคำแหง. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
[7] บัลลังก์ โรหิตเสถียร. 2556. อนุมัติ MOU ด้านการอาชีวศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการไทย-จีน. ค้นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556, จาก http://www.moe.go.th/websm/2013/oct/334.html
[8] พรรณี ลีกิจวัฒนะ. 2553. ความต้องการแรงงานระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประเภทวิชาอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ของสถานประกอบการสังกัดการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 9(2), น. 78-80.
[9] สำนักติดตามและประเมินผลการอาชีวศึกษา. 2555. รายงานการติดตามผลการดำเนินงานของสถานศึกษา (4 ภูมิภาค) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555. ค้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2556, จาก http://bme.vec.go.th