รูปแบบการจัดการศึกษาในโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาแนวทาง ปัจจัย วิธีการดำเนินการและผลการดำเนินงานของโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ และพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาในโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ประชากรเป็นโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 11 โรงเรียนและกลุ่มตัวอย่างเป็นโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 5 โรงเรียน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วย ครูผู้สอน 25 คน นักเรียน 100 คน
คณะกรรมการสถานศึกษา 15 คน การสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา 7 คน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 9 คน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 8 คน และการสนทนากลุ่มผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา 4 คนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 คน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 4 คน คณะกรรมการสถานศึกษา 2 คน ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น 177 คน
ผลการวิจัยพบว่า 1. ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่าโรงเรียนมีการปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินงานของโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ และที่ไม่มีการปฏิบัติเป็นส่วนน้อย 2. รูปแบบการจัดการศึกษาในโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน พัฒนาขึ้นโดยใช้กลยุทธ์การจัดการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ (FS-POSDCORB STRATEGY) ประกอบด้วย F : Factor : ปัจจัย ได้แก่ นโยบาย/การบริหารจัดการ/ทรัพยากรบุคคล/อาคาร สถานที่และสิ่งแวดล้อม/สถาบันชุมชนและองค์การ S : Strategy : กลยุทธ์ ได้แก่ การวางแผน/การมีส่วนร่วม/กิจกรรมโครงการ/การพัฒนาหลักสูตร/การพัฒนาองค์การและทรัพยากรบุคคล/การสร้างแรงจูงใจ/การติดตามประเมินผล/การประชาสัมพันธ์ กระบวนการ (Process) ได้แก่ 1. P : Planning : การวางแผน 2.O : Organizing : การจัดองค์การ 3. S : Staffing : การสรรหาเจ้าหน้าที่ 4. D : Directing : การวินิจฉัยสั่งการ 5. CO : Coordinating : การประสานงาน 6. R : Reporting : การรายงาน 7.B : Budgeting : การงบประมาณ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของตามแนวคิดของกูลิคและเออร์วิค และรูปแบบยังประกอบด้วยปัจจัยและกลยุทธ์ในการดำเนินงานโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งสังเคราะห์ข้อมูลจากการสอบถามและการสัมภาษณ์และประเมินรูปแบบฯ โดยการจัดการสนทนากลุ่ม ซึ่งที่ประชุมเห็นว่ารูปแบบที่ผู้วิจัยนำเสนอ เป็นรูปแบบที่มีความเหมาะสม มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และจะเกิดความคุ้มค่า เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนในการส่งเสริมสุขภาพ จึงเป็นรูปแบบที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานอื่นๆ ต่อไป
Article Details
"ข้อคิดเห็น เนื้อหา รวมทั้งการใช้ภาษาในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน"
References
[2] กัลยา วานิชย์บัญชา. 2550. สถิติสำหรับงานวิจัย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
[3] ทนงศักดิ์ โสวจัสสตากุล. 2554. รูปแบบการเรียนรู้ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีคณะครุศาสตอุตสาหกรรมสถาบันเทศโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม.10(2), น.273 – 281.
[4] Creswell, John W. (2007). Designing and conducting mixed methods research. California: Sage Publications, Inc.
[5] จำเนียร จวงตระกูล. 2551. การวิจัยเชิงคุณภาพ: เครื่องมือสร้างองค์ ความรู้เพื่อการพัฒนาประเทศ. เล่มที่ 2. กรุงเทพฯ: ศูนย์กฎหมายธุรกิจอินเตอร์เนชั่นแนล.
[6] ทวีศักดิ์ นพเกสร. 2548. วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ. เล่ม 1. นครราชสีมา: ชมรมพยาบาลชุมชนแห่ง ประเทศไทย.
[7] บุญชม ศรีสะอาด. 2545. วิธีการสร้างสถิติสำหรับ การวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์.
[8] ศุภกิจ สิงหพงษ์. 2546. การประเมินโครงการ โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดลพบุรี. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี.