ศึกษาลายพิมพ์ดีเอ็นเอของปลาในวงศ์ Bagridae โดยใช้เทคนิค RAPD และ ISSR

Main Article Content

สุกัญญา คำหล้า

Abstract

บทคัดย่อ

การพัฒนาเทคนิคทางซีวโมเลกุลมาใช้ในการศึกษาลายพิมพ์ดีเอ็นเอของปลาในวงศ์ Bagridae จำนวน 7 ชนิด ดำเนินการโดยการวิเคราะห์เครื่องหมายพันธุกรรมในระดับดีเอ็นเอด้วยเทคนิค RAPD และ ISSR ในตัวอย่างปลาทั้งหมด 7 ชนิด ได้แก่ ปลากดเหลือง (Hemibagrus nemurus: HN), ปลากดดัง (H. wyckioides: Hพ), ปลาแขยงข้างลาย (M. vittatus: MV), ปลามังกง (อีกง) (M. gulio: MG), ปลาแขยงธง (M. bocourti: MB), ปลาแขยงหิน (Pseudomystus siamensis: PS) และปลากดพม่า (Mystus leucophasis: ML) ผลการศึกษาจากการทดสอบขั้นต้นด้วยไพรเมอร์ RAPD จำนวน 7 ไพรเมอร์ ดัดเลือกไพรเมอร์ซึ่งสามารถแยกชนิดของปลาที่นำมาศึกษาออกจากกันได้ อย่างชัดเจนและให้ผลที่อ่านง่าย สามารถนำมาใช้ในการจำแนกชนิดได้จำนวน 6 ไพรเมอร์ ได้แก่ OPA-CI4, (3PA-07, OPA-IO, OPA-19, OPB-08 และ OPC-02

ส่วนการศึกษาด้วยเทคนิค ISSR เมื่อทดสอบขั้นต้นด้วยไพรเมอร์ ISSR จำนวน 7 ไพรเมอร์ พบว่า ไพรเมอร์ ISSR ทั้งหมดยังไม่สามารถแยกชนิดของปลาที่นำมาศึกษาออกจากกันได้อย่างชัดเจน เพราะแถบดีเอ็นเอที่ได้โม่คมชัด โดยไพรเมอร์ที่สามารถจำแนกชนิดปลาได้นั้น สามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วย ในการจำแนกชนิดของปลาทั้ง 7 ชนิด

คำสำคัญ : ลายพิมพ์ดีเอ็นเอ, ปลาในวงศ์ Bagridae, เทคนิค RAPD, เทคนิค ISSR

 

Abstract

Molecular technique for DNA fingerprinting study in Family Bagridae was developed using RAPD and ISSR DNA marker. Seven species consist of Hemibagriis nemurus: HN, H. wyckioides: HW, M. vittatus: MV, M. gulio: MG, M. bocourti: MB, Pseudomystus siamensis: PS and Mystus leucophasis: ML. The total of 7 RPAD and 7 ISSR primers developed from Family Bagridae were screened. Of 6 primers which namely OPA-04, OPA-07, OPA-IO, OPA-19, OPB-O8 and OPC-02 were exhibited useful extinction patterns for identifying the studied species and of 7 total ISSR primers were other species. The 6 RAPD primers could this family.

Keywords : DNA fingerprint, Family Bagridue, RAPD Technique, ISSR Technique

Article Details

How to Cite
[1]
คำหล้า ส., “ศึกษาลายพิมพ์ดีเอ็นเอของปลาในวงศ์ Bagridae โดยใช้เทคนิค RAPD และ ISSR”, RMUTI Journal, vol. 6, no. 1, pp. 81–93, Jan. 2014.
Section
Research article