การประเมินการจัดเก็บสารเคมีของโรงงานอุตสาหกรรม ในพื้นที่ภาคตะวันออก ของประเทศไทย (Assessment of Chemical Storage of Industrial Factories in Eastern Part of Thailand)
Main Article Content
Abstract
จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณการใช้และการจัดเก็บสารเคมีสูงขึ้น หนึ่งในมาตรการสำคัญในการป้องกันอุบัติภัยคือการจัดเก็บสารเคมีที่ถูกต้องและเหมาะสม งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินสถานการณ์การจัดเก็บสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม โดยใช้คู่มือการเก็บรักษาสารเคมีและวัตถุอันตราย พ.ศ. 2550 เป็นมาตรฐานในการจัดเก็บ โดยศึกษาเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมประเภท 42(1) ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย ประกอบด้วย 7 จังหวัด คือ สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของโรงงานอุตสาหกรรมประเภท 42 มากที่สุด ทั้งนี้ได้สุ่มตามสัดส่วนของจำนวนโรงงานในแต่ละจังหวัดรวม 20 แห่ง
จากการประเมินโรงงานอุตสาหกรรมพบว่า มีโรงงานอุตสาหกรรมผ่านเกณฑ์การประเมินคิดเป็นร้อยละ 75 ของจำนวนโรงงานที่รับการประเมินทั้งหมด โดยแบ่งเป็นโรงงานที่ประกอบกิจการในเขตนิคมอุตสาหกรรม ร้อยละ 60 และนอกเขตนิคมอุตสาหกรรมร้อยละ 15 โดยหัวข้อที่โรงงานอุตสาหกรรมสามารถปฏิบัติตามได้มากที่สุด ได้แก่ โครงสร้างอาคาร สุขภาพและสุขอนามัย และหัวข้อที่เป็นปัญหากับโรงงานอุตสาหกรรมมากที่สุด ได้แก่ การกำหนดเส้นทางจราจร และการเคลื่อนย้ายสารเคมี สำหรับผลการประเมินบุคลากรเฉพาะ พบว่ามีบุคลากรเฉพาะผ่านเกณฑ์การประเมินคิดเป็นร้อยละ 50 ของผู้ที่ได้รับการประเมินทั้งหมด หัวข้อการประเมินที่บุคลากรเฉพาะสามารถปฏิบัติได้มากที่สุด ได้แก่ การใช้และตรวจสอบอุปกรณ์ดับเพลิง การจัดการด้านสุขศาสตร์ และหัวข้อที่พบปัญหามากที่สุด ได้แก่ การจำแนกประเภทสารเคมี ทั้งนี้ หากพิจารณาความสัมพันธ์ของคะแนนประเมินโรงงานอุตสาหกรรมและคะแนนประเมินบุคลากรเฉพาะ พบว่ามีค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์แบบเพียร์สันเท่ากับ 0.434 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำ แสดงว่าการจัดเก็บสารเคมีอย่างปลอดภัยยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องนอกจากประเด็นของบุคลากรเฉพาะ
The continuous expansion of the industries results in a higher consumption and storage of chemicals. The most important measure to prevent accidents is proper storage of chemicals. Therefore, the objective of this research was to assess the situation of the chemical storage in the type 42(1) industrial factories located in the eastern part of Thailand. The assessment criteria followed the chemical and hazardous substance storage manual BE 2550. The study was conducted in the eastern part which consists of 7 provinces of Sakaeo, Prachinburi, Chachoengsao, Chonburi, Rayong, Chanthaburi and Trat as there are the highest densities of type 42 industries. The sampling number of 20 factories was calculated by the ratio of the number of factories in each province.
The assessment of industrial factories showed that 75 percent of the assessed factories passed the assessment criteria where 60 and 15 percent located inside and outside of the industrial estate zone, respectively. The most compliance topics were the building structures and health and hygiene, whereas the most problematic issues were the traffic routing and chemical relocation. The assessment of specialized personnel for hazardous substances storage showed that 50 percent of the assessed personnel passed the assessment criteria. The most compliance topics were an inspection and using of the firefighting equipment as well as health management, whereas the chemical classification was the most problematic issue for the specialized personnel. The Pearson’s correlation coefficient between the industrial factory and the specialized personnel assessment scores was 0.434, which was at a low level. This indicated that there were other factors related to safe chemical storage additional to the specialized personnel skill.