การพัฒนาและสร้างต้นแบบรวดเร็ว สำหรับผลิตภัณฑ์เซรามิกโดยใช้วิธีการขึ้นรูปทีละชั้น

Main Article Content

นพพร บึกแว่น
ศศิธร คนทน
สุขุมาล เหรียญทอง

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้เพื่อออกแบบและพัฒนาเครื่องสร้างต้นแบบรวดเร็วและหาค่าพารามิเตอร์ที่ใช้ในการขึ้นรูป รวมถึงทดสอบค่าความคลาดเคลื่อนของการสร้างต้นแบบรวดเร็วสำหรับผลิตภัณฑ์เซรามิกโดยใช้วิธีการขึ้นรูปทีละชั้น การดำเนินวิจัยนี้เริ่มจากออกแบบผลิตภัณฑ์เซรามิกแบบสามมิติโดยใช้โปรแกรมยูนิกราฟฟิกส์เอ็นเอ็กซ์ เวอร์ชั่น 6.0 จากนั้นนำไฟล์สามมิติสร้างเส้นภาพตัดขวางตามความสูงของชิ้นงานทีละชั้น ออกแบบและสร้างเครื่องต้นแบบรวดเร็ว โดยเครื่องมีขนาด 300×450×400 มิลลิเมตร ซึ่งมีชุดอุปกรณ์ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1) ชุดโครงสร้าง 2) ชุดควบคุมอัตราป้อนของหัวฉีด 3) ชุดระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมและซอฟต์แวร์ การต่อระบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ใช้บอร์ดอาร์เอ็นอาร์โมชั่นแบบยูเอสบี เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารกับชุดฮาร์ดแวร์และใช้ซอฟต์แวร์มาคสามซีเอ็นซีคอนโทรลเลอร์ ควบคุมการเคลื่อนที่ของมอเตอร์ให้เคลื่อนที่แบบ 4 แกนคือ แกน X Y Z และแกน A จากนั้นทดสอบหาค่าพารามิเตอร์ที่ส่งผลในการขึ้นรูป ตัวแปรควบคุมได้แก่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหัวฉีด 2 มิลลิเมตร ใช้ดินสำเร็จรูปชนิดคอมพาวด์พีบีบี ความชื้นของดินในช่วง 40-45 เปอร์เซ็นต์ ตัวแปรตามคือ อัตราป้อนของชุดหัวฉีด ความเร็วในการเคลื่อนที่และระยะห่างระหว่างชั้นในการขึ้นรูป การทดสอบพบว่าอัตราป้อนของชุดหัวฉีดที่เหมาะสมคือ 5 มิลลิเมตรต่อนาที ค่าความเร็วในการเคลื่อนที่แกน X Y Z คือ 60 มิลลิเมตรต่อนาที ค่าระยะห่างระหว่างชั้นในการขึ้นรูปที่เหมาะสมคือ 0.80 มิลลิเมตร และผลการทดสอบขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ แบบรูปทรงกลม แบบรูปทรงสี่เหลี่ยมและแบบรูปทรงอิสระพบว่าสามารถขึ้นรูปชิ้นงานได้ตามแบบและจากการนำผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการขึ้นรูปไปเผาที่อุณหภูมิ 1200 องศาเซลเซียส พบว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้หลังจากการเผามีความสมบูรณ์ไม่มีรอยแตกร้าวและเสียรูปทรง ในด้านการทดสอบค่าความคลาดเคลื่อนของเครื่องสร้างต้นแบบรวดเร็ว จากการวัดขนาดของชิ้นงานหลังจากขึ้นรูปพบว่ามีความคลาดเคลื่อนได้ไม่เกินค่าบวกและค่าลบเฉลี่ยเท่ากับ 0.2 มิลลิเมตร

Article Details

บท
บทความวิจัย

References

S. Inthaput, Competitiveness of Thai ceramics industry. Bangkok, Thailand: Department of Export Promotion, (in Thai), 2003. Accessed: Feb. 16, 2022. [Online]. Available: https://www.ditp.go.th/contents_attach/78351/78351.pdf

N. Travitzky et al., “Additive manufacturing of ceramic-base materials,” Adv. Eng. Mater., vol. 16, no. 6, pp. 729–745, 2014.

J. Garden, “Additive manufacturing technologies: state of the art and trends,” Int. J. Prod. Res., vol. 54, no. 10, pp. 3118–3132, 2016.

S. B. M. Patzelt, B. C. Spies, and R. J. Kohal, “CAD/CAM-fabricated implant-supported restorations: a systematic review,” Clin. Oral Implants Res., vol. 26, no. S11, pp. 77–85, 2015.

A. Christ, R. Heister, and R. Anderl, “Reverse engineering for the utilization of product model data for CAx workflows in dental technology,” in Proc. 20th Eur. Concurrent Eng. Conf. - 10th Future Bus. Technol. Conf., Bruges, Belgium, Apr. 2014, pp. 47–54.

J.-Y. Lee, J. An, and C. K. Chua, “Fundamentals and applications of 3D printing for novel materials,” Appl. Mater. Today, vol. 7, pp. 120–133, Jun. 2017.

Q. Liu, M. C. Leu, and S. M. Schmitt, “Rapid prototyping in dentistry: technology and application,” Int. J. Adv. Manuf. Technol., vol. 29, pp. 317–335, Jun. 2006.

H. Shao, D. Zhao, T. Lin, J. He, and J. Wu, “3D gel-printing of zirconia ceramic parts,” Ceram. Int., vol. 43, no. 16, pp. 13938–13942, Nov. 2017.

P. Pitayachaval and A. Thongrak, “A study of slope edge of technology,” in Proc. 38th Ind. Eng. Netw, Chon Buri, Thailand, 2020, pp. 255–259.

F. Yang, M. Zhang, B. Bhandari, and Y. Liu, “Investigation on lemon juice gel as food material for 3D printing and optimization of printing parameters,” LWT - Food Sci. Technol., vol. 87, pp. 67–76, Jan. 2018.

S. Otarawanna, “The use of 3D printing technology in manufacturing industry,” (in Thai), J. Mater. Technol., vol. 85, pp. 24–28, 2017. [Online]. Available: https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/303_24.pdf