วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Royal Thai Naval Academy th-TH วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2985-2897 <p>เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ <br>บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของโรงเรียนนายเรือ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากโรงเรียนนายเรือก่อนเท่านั้น</p> พลังงานทดแทน: แนวโน้มสู่การพัฒนาสู่ความยั่งยืนในศตวรรษที่ 21 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/260689 <p>บทความนี้วิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มของพลังงานทดแทนในระดับโลกและประเทศไทย โดยเน้นถึงการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นทางออกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีต้นทุนลดลงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยมีแผนพัฒนาเพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนเป็น 50% ภายในปี ค.ศ. 2026 โดยเน้นการใช้พลังงานชีวมวลในภาคชนบท ทั้งนี้ ยังมีความท้าทายในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการปรับนโยบาย เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา บทความนี้เสนอแนะว่าการพัฒนาเทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานและการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบพลังงานที่สะอาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น</p> ปราโมทย์ สุขศิริศักดิ์ ศุภกานต์ แก้วเหลี่ยม ประยูร กันอยู่ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 1 12 การศึกษาปัจจัยการเชื่อมแบบเสียดทานที่มีผลต่อโครงสร้างจุลภาคและสมบัติทางกล ของอะลูมิเนียม 6061 ที่เติมอนุภาคซิลิคอนคาร์ไบด์ https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/261084 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของตัวแปรในการเชื่อมเสียดทานแบบกวน ต่อโครงสร้างจุลภาคและสมบัติทางกลในอะลูมิเนียมเกรด 6061 คอมโพสิตเสริมแรงด้วยอนุภาคซิลิคอนคาร์ไบด์ ขนาด 5 ไมครอน การศึกษาผลการเติมอนุภาคซิลิคอนคาร์ไบด์ในรอยเชื่อมด้วยเครื่องมือแบบไม่มีหัวกวนในรอบที่ 1 ผลการเติมพบว่า ซิลิคอนคาร์ไบด์กระจายตัวในรอยเชื่อมได้ดีกว่าการใช้หัวกวนสี่เหลี่ยม การศึกษาผลของปัจจัยความเร็วเดินเชื่อมที่ 26 34 และ 50 มิลลิเมตรต่อนาที และความเร็วหมุนเชื่อมที่ 920 1,040 และ 1,350 รอบต่อนาที ต่อลักษณะรอยเชื่อมด้านบนมีความสมบูรณ์ทุกความเร็วเดินเชื่อม ยกเว้นรอยเชื่อมที่ความเร็วเดินเชื่อม 50 มิลลิเมตรต่อนาที และ ความเร็วหมุนหัวเชื่อม 920 รอบต่อนาที เกิดรอยร้าวด้านบนตามแนวการเชื่อมและมีผลความแข็งต่ำที่สุดที่ 54.21 HV ส่วนผลโครงสร้างจุลภาคการกระจายตัวของอนุภาคซิลิคอนคาร์ไบด์ การปั่นกวนที่ความเร็วเดินเชื่อม 26 มิลลิเมตรต่อนาที และความเร็วหมุนหัวเชื่อมที่ 1350 รอบต่อนาที ส่งผลให้อนุภาคซิลิคอนคาร์ไบด์กระจายตัวในชิ้นงานทดสอบอย่างสม่ำเสมอทั่วชิ้นงาน และให้ค่าความแข็งสูงที่สุดที่ 77.16 HV</p> ศุภฤกษ์ บุญเทียร ก้องเกียรติ ปุภรัตนพงษ์ กฤษ เหลืองโสภาพันธ์ วัฒนชัย พฤกษ์กานนท์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 13 27 การศึกษาความสามารถการดูดซับพลังงานของท่อผนังบางรูปร่างพื้นที่หน้าตัดหลายเหลี่ยม เติมโฟมภายใต้โมเมนต์บิด https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/262029 <p>งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์ เพื่อศึกษาความสามารถการดูดซับพลังงานของท่อผนังบางรูปร่างพื้นที่หน้าตัดหลายเหลี่ยมที่มีการเติมโฟมภายใต้สภาวะโมเมนต์บิด โดยศึกษาท่อรูปร่างพื้นที่หน้าตัดหลายเหลี่ยม ได้แก่ ท่อสี่เหลี่ยม ท่อหกเหลี่ยม ท่อแปดเหลี่ยม ท่อสิบเหลี่ยม ท่อยี่สิบเหลี่ยม ท่อหกสิบเหลี่ยม ท่อแปดสิบเหลี่ยมและท่อวงกลม พร้อมความหนาแน่นโฟม 50, 100, 150, 200 และ 250 kg/m<sup>3</sup> ตามลำดับ การวิเคราะห์ใช้วิธีการทดลองและวิธีการทางไฟไนต์เอลิเมนต์ผลการวิเคราะห์สรุปได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนต์บิดกับมุมบิดจากการทดลองกับไฟไนต์เอลิเมนต์มีแนวโน้มสอดคล้องกัน โดยมีค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อนร้อยละ 8.31 ส่วนผลของความหนาแน่นโฟม พบว่าเมื่อความหนาแน่นโฟมเพิ่มขึ้นจาก 0 kg/m<sup>3</sup> (ท่อไม่เติมโฟม) เป็น 100 kg/m<sup>3</sup> ความสามารถการดูดซับพลังงานเพิ่มขึ้น แต่หลังจากความหนาแน่นโฟมมากกว่า 100 kg/m<sup>3</sup> ขึ้นไป จะเข้าสู่สภาวะการอิ่มตัว (ค่าความสามารถการดูดซับพลังงานมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก) ผลของรูปร่างหน้าตัดของท่อ พบว่า ท่อแปดเหลี่ยม ท่อสิบเหลี่ยม ท่อยี่สิบเหลี่ยม ท่อหกสิบเหลี่ยม ท่อแปดสิบเหลี่ยม และท่อวงกลม ให้ค่าความสามารถการดูดซับพลังงานและใกล้เคียงกัน ถัดมาเป็นท่อหกเหลี่ยม และท่อสี่เหลี่ยมมีค่าความสามารถการดูดซับพลังงานต่ำที่สุด</p> สมญา ภูนะยา รัชดา โสภาคะยัง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 28 45 การประเมินความแม่นยำของแบบจำลอง HEC-RAS 1D สำหรับการจำลองการไหลผ่านพืชน้ำ และสิ่งกีดขวางโดยใช้การทดลองทางน้ำเปิดในห้องปฏิบัติการ https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/261840 <p>ปัญหาอุทกภัยเป็นภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหลายพื้นที่ ทั้งในเขตเมืองและชนบท แบบจำลองทางชลศาสตร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการน้ำและการวางแผนป้องกันภัย ซึ่งจำเป็นต้องมีความแม่นยำและเชื่อถือได้ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และประเมินพฤติกรรมการไหลของน้ำภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงวิศวกรรมและการบริหารความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการศึกษาความแม่นยำของแบบจำลอง Hydrologic Engineering Center - River Analysis System (HEC-RAS) แบบ 1 มิติ ในการพยากรณ์พฤติกรรมการไหลของน้ำในทางน้ำเปิดที่มีพืชใต้น้ำและสิ่งกีดขวาง โดยเปรียบเทียบกับผลจากการทดลองทางกายภาพในห้องปฏิบัติการที่จำลองสภาพการไหล เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อจำกัดและศักยภาพของแบบจำลองในการใช้งานจริง การทดลองได้วัดระดับน้ำและความเร็วการไหลของน้ำในสภาพที่มีสิ่งกีดขวาง โครงสร้างจำลอง และนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับค่าที่ได้จากการคำนวณด้วยแบบจำลอง HEC-RAS พบว่า แบบจำลองสามารถทำนายระดับน้ำได้อย่างแม่นยำในระดับสูงของทุกกรณี โดยมีค่าสัมประสิทธิ์ประสิทธิภาพของแบบจำลองแนช–ซัทคลิฟฟ์</p> <p>(Nash–Sutcliffe model efficiency coefficient : NSE) คือ 0.93-0.99 และสามารถทำนายความเร็วของการไหลมีความแม่นยำในระดับดี โดยกรณีรางเปล่ามีค่า NSE น้อยที่สุดคือ 0.62 และกรณีหญ้าเทียมมีค่า NSE มากที่สุดคือ 0.87 ซึ่งความแปรปรวนเกิดจากการวัดค่าความเร็วการไหลในห้องปฏิบัติการจากการไหลแบบปั่นป่วน แนวทางในงานวิจัยนี้จึงสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการประเมินและพัฒนาแบบจำลองสำหรับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ที่มีพืชน้ำหรือสิ่งกีดขวางตามธรรมชาติได้เป็นอย่างดีในอนาคต</p> รณกร สร้อยศรี สมพงษ์ บุตรงาม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 46 57 โครมาโทกราฟีของเหลวสมรรถนะสูงโดยใช้มอนอลิทคอลัมน์สำหรับการวิเคราะห์ ออกซีเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์และไซโลเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์พร้อมกันในรูปแบบยาพ่นจมูก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/261753 <p>ในงานวิจัยนี้ได้พัฒนาโครมาโทกราฟีของเหลวสมรรถนะสูงที่ง่ายและรวดเร็วสำหรับการหาปริมาณออกซีเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์และไซโลเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์พร้อมกันในรูปแบบยาพ่นจมูก การแยกเกิดบนมอนอลิทคอลัมน์ (C<sub>18</sub>, 100 มิลลิเมตร x 4.6 มิลลิเมตร) ของผสมของอะซิโตไนไตรล์ (ร้อยละ 28 โดยปริมาตร) และสารละลายกรดฟอสฟอริก เข้มข้นร้อยละ 0.01 (ร้อยละ 72 โดยปริมาตร) ใช้เป็นเฟสเคลื่อนที่ที่เหมาะสม ด้วยอัตราการไหลที่ 2.50 มิลลิลิตรต่อนาที สารที่ต้องการวิเคราะห์ตรวจวัดที่ 220 นาโนเมตร ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม ออกซีเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์และไซโลเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์แยกอย่างสมบูรณ์ภายใน 2 นาที กราฟมาตรฐานของสารละลายมาตรฐานของออกซีเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์และไซโลเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์ออกซีเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์และไซโลเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์มีค่า 0.03 และ 0.04 มิลลิกรัมต่อลิตรตามลำดับวิธีที่นำเสนอนี้สามารถใช้กับงานวิเคราะห์ประจำของออกซีเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์และไซโลเมตาโซลีนไฮโดรคลอไรด์ในรูปแบบยาพ่นจมูก</p> สมศักดิ์ ศิริไชย มนัสวี จั่นรอด ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 58 69 Shoreline Extraction Using Water Indices for Nautical Chart Assessment: A Case Study of Hua Hin Beach, Thailand https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/262418 <p>Shoreline change is a crucial indicator of coastal dynamics, impacting maritime navigation, coastal planning, and nautical chart accuracy. In Thailand, traditional hydrographic surveys are limited by time and resources, resulting in outdated shoreline data. This study investigates the use of satellite-based remote sensing and geospatial analysis to assess shoreline change along Hua Hin Beach from 2012 to 2024. Multi-temporal Landsat imagery from five periods, spaced three years apart, was analyzed using six spectral water indices: NDWI, MNDWI, AWEIsh, AWEInsh, LSWI, and WI2015. The analysis was conducted using Google Earth Engine in combination with the geemap Python API on Google Colab. Shoreline positions extracted with each index were compared to a reference shoreline from Thai nautical chart No.246 (edition 2012), using 430 validation points at 90-meter intervals. Accuracy was evaluated using RMSE and MAE, with WI2015 showing the highest accuracy (RMSE = 7.156 meters). The best results from WI2015 were used in the Digital Shoreline Analysis System (DSAS) to compute shoreline change metrics; EPR, SCE, and NSM, across 380 transects. The results showed accretion in Zones A and E, erosion in Zones B and C, and stability in Zone D. Based on NSM, shoreline change was classified into Stable (&lt;10 m), Moderate (10–50 m), and Significant (&gt;50 m) categories for resurvey prioritization. This study highlights the effectiveness of integrating satellite-derived water indices with DSAS for monitoring shoreline change and updating nautical charts in coastal zones.</p> อารีย์ หวันหละเบ๊ะ ภัทราพร สร้อยทอง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 70 86 การพัฒนาชุดทดลองเซนเซอร์วัดคาบการสั่นของมวลติดสปริงสำหรับห้องปฏิบัติการฟิสิกส์โรงเรียนนายเรือ https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/261390 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาชุดทดลองในห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ 1 โรงเรียนนายเรือ เรื่องการเคลื่อนที่แบบสั่นแกว่งอย่างง่ายของมวลติดปลายสปริง (Simple Harmonic Motion, SHM) ให้มีความทันสมัยและมีความแม่นยำสูงในการวัดค่าคาบการสั่นแกว่งโดยใช้เซนเซอร์ งานวิจัยนี้ได้ประยุกต์ใช้อุปกรณ์เซนเซอร์วัดระยะทางแบบอัลตร้าโซนิคเซนเซอร์โมดูลผ่านการควบคุมโดยไมโครคอนโทรลเลอร์มาใช้งาน ค่าการวัดเป็นคาบเวลาเฉลี่ย (Average Time) คำนวณหาค่าคงที่สปริง (Spring Constant) แล้วเปรียบเทียบค่าความคลาดเคลื่อนระหว่างชุดทดลองฯ วิจัยกับค่าคงที่สปริงมาตรฐานของบริษัท PASCO USA. ผลการวิจัยพบว่าค่าคงที่สปริงของชุดทดลองฯ วิจัยกับค่าค่าคงที่สปริงมาตรฐาน มีความคลาดเคลื่อนเฉลี่ยเพียงร้อยละ 2.625</p> วีระ บุญผุด ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 87 99 An Optimal Solution for Locating Tide Station Locations in Historic Bay of Thailand by Using Location Allocation Models (P – median) https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/261708 <p>The aim of this study is to utilize a location allocation model (P-median) to determine the optimal locations for tide stations in the Historic Bay of Thailand, based on three factors: variation in tide elevation, the number of ports, and population density. Two scenarios were considered: (1) adding new tide stations while retaining all existing ones; and (2) not retaining the existing tide stations but instead rearranging and adding new stations. The results indicated that the second scenario—rearranging the tide stations and adding new ones without retaining the existing stations—provides a more optimal long-term solution in terms of budget efficiency and coverage. This study can serve as a guideline for hydrographic offices to adopt when planning the construction of tide stations.</p> สัณหณัฐ อิสมาแอล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 100 116 การศึกษาแนวทางการแจ้งเตือนภัยจาก Storm Surge บริเวณฝั่งทะเลอันดามัน https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/262361 <p>Storm Surge หรือคลื่นพายุซัดฝั่ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่คล้ายกับสึนามิแต่แตกต่างในเรื่องอิทธิพลที่ทำให้เกิดรูปแบบคลื่นความรุนแรงซึ่งบางครั้งก็อาจมีความรุนแรงใกล้เคียงกัน ปัจจุบันมีข้อจำกัดในด้านการแจ้งเตือน สืบเนื่องด้วยเครื่องมือในการแจ้งเตือนยังไม่ทันสมัยและครอบคลุม จึงทำให้พื้นที่ที่อยู่ตามชายฝั่งบริเวณฝั่งทะเลอันดามันส่งผลกระทบจากคลื่นที่พัดเข้ามาทำให้เกิดความเสียหายกับสิ่งปลูกสร้าง รวมถึง<br />การกัดกร่อนของน้ำทะเลจึงมีความจำเป็นในการหาแนวทางในการแจ้งเตือนการเกิด Storm Surge โดยการใช้เครื่องมือหรือวิธีการในการช่วยลดความเสียหายที่มีผลกระทบได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา งานวิจัยนี้<br />มีวัตถุประสงค์เพื่อประยุกต์ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ใช้ในการพยากรณ์การเกิด Storm Surge จากประกาศ<br />คำเตือนสภาวะอากาศของกรมอุทกศาสตร์ เปรียบเทียบกับระดับน้ำจริงจาก 4 สถานี ได้แก่ สถานีน้ำระนอง สถานีน้ำคุระบุรี สถานีน้ำทับละมุ และสถานีน้ำตะเภาน้อย ตั้งแต่ปี 2563-2564 โดยพิจารณาระดับความรุนแรง ของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กับช่วงเวลาที่ระดับน้ำควรจะต้องสูงขึ้นจากสถานีน้ำทั้ง 4 สถานี โดยไม่ได้พิจารณาจากอิทธิพลอื่น ๆ ผลวิจัยพบว่าการวิเคราะห์ในข้อมูลระยะเวลา 2 ปี (2563-2564) มีแนวโน้มที่สอดคล้องกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แม่นยำในทุกๆ ครั้งที่มีการประกาศคำเตือน แต่ก็สามารถนำมาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการแจ้งเตือนและเฝ้าระวังพื้นที่ที่ติดชายฝั่งทะเลอยู่บริเวณฝั่งทะเลอันดามันได้</p> <p>Storm Surge หรือคลื่นพายุซัดฝั่ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่คล้ายกับสึนามิแต่แตกต่างในเรื่องอิทธิพลที่ทำให้เกิดรูปแบบคลื่นความรุนแรงซึ่งบางครั้งก็อาจมีความรุนแรงใกล้เคียงกัน ปัจจุบันมีข้อจำกัดในด้านการแจ้งเตือน สืบเนื่องด้วยเครื่องมือในการแจ้งเตือนยังไม่ทันสมัยและครอบคลุม จึงทำให้พื้นที่ที่อยู่ตามชายฝั่งบริเวณฝั่งทะเลอันดามันส่งผลกระทบจากคลื่นที่พัดเข้ามาทำให้เกิดความเสียหายกับสิ่งปลูกสร้าง รวมถึง<br />การกัดกร่อนของน้ำทะเลจึงมีความจำเป็นในการหาแนวทางในการแจ้งเตือนการเกิด Storm Surge โดยการใช้เครื่องมือหรือวิธีการในการช่วยลดความเสียหายที่มีผลกระทบได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา งานวิจัยนี้<br />มีวัตถุประสงค์เพื่อประยุกต์ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ใช้ในการพยากรณ์การเกิด Storm Surge จากประกาศ<br />คำเตือนสภาวะอากาศของกรมอุทกศาสตร์ เปรียบเทียบกับระดับน้ำจริงจาก 4 สถานี ได้แก่ สถานีน้ำระนอง สถานีน้ำคุระบุรี สถานีน้ำทับละมุ และสถานีน้ำตะเภาน้อย ตั้งแต่ปี 2563-2564 โดยพิจารณาระดับความรุนแรง ของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กับช่วงเวลาที่ระดับน้ำควรจะต้องสูงขึ้นจากสถานีน้ำทั้ง 4 สถานี โดยไม่ได้พิจารณาจากอิทธิพลอื่น ๆ ผลวิจัยพบว่าการวิเคราะห์ในข้อมูลระยะเวลา 2 ปี (2563-2564) มีแนวโน้มที่สอดคล้องกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แม่นยำในทุกๆ ครั้งที่มีการประกาศคำเตือน แต่ก็สามารถนำมาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการแจ้งเตือนและเฝ้าระวังพื้นที่ที่ติดชายฝั่งทะเลอยู่บริเวณฝั่งทะเลอันดามันได้</p> ศลักษณ์ ฤทธิเดช ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 117 132 เทคนิคการกำหนดเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการอัตราส่วนเท่าระหว่างไทย-กัมพูชา เหนือละติจูด 11 องศาเหนือ https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/261934 <p>ไทยและกัมพูชาต่างฝ่ายต่างประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย ส่งผลให้เกิดเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลระหว่างกัน ไทยและกัมพูชาร่วมกันหาทางแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อ 18 มิถุนายน 2544 (MOU 2544) สาระสำคัญของ MOU 2544 คือเจตนารมย์ที่จะการเจรจาจัดทำความตกลงสำหรับการบริหารจัดทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีชีวิตร่วมกันและการตกลงแบ่งเขตแดนทางทะเล การดำเนินการดังกล่าวต้องดำเนินการไปพร้อมกันไม่อาจแบ่งแยกได้การแบ่งพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนออกเป็นสองส่วนเป็นไปตามเอกสารแนบท้าย ส่วนแรกคือพื้นที่เหนือละติจูด 11 องศาเหนือ ให้ทั้งสองฝ่ายทำการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างกัน ส่วนที่สองคือพื้นที่ใต้ละติจูด 11 องศาเหนือ ให้จัดทำเป็นพื้นที่พัฒนาร่วม วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ เพื่อหาแนวทางในการกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา โดยยึดถือสาระของ MOU 2544 คือการกำหนดเขตแดนทางทะเลในพื้นที่เหนือละติจูด 11 องศาเหนือ การดำเนินการวิจัย ประกอบด้วยการนำผลการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) และศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ (International Tribunal for the Law of the Sea: ITLOS) ในกรณีที่ลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกับกรณีระหว่างไทยและกัมพูชา สามารถนำมาเทียบเคียงเพื่อใช้ศึกษาเป็นแนวทาง และใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS)เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ปัจจัยและองค์ประกอบทางกายภาพ เช่น ทิศทางทั่วไปของชายฝั่ง ความยาวของชายฝั่งที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดพื้นที่ที่เกี่ยวข้องในการกำหนดเขตแดนทางทะเล และการกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่สัมพันธ์กัน จากนั้นจะนำไปสู่การกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาบนข้อมูลและปัจจัยที่ได้จากการวิเคราะห์ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและลักษณะทางกายภาพของชายฝั่ง ทำให้การแบ่งเขตแดนทางทะเลมีความเที่ยงธรรมต่อทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้เขตทางทะเลที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของปัจจัยทางกายภาพที่มีความเป็นรูปธรรม สามารถลดช่องว่างของความเห็นต่างในการกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และส่งเสริมความเที่ยงธรรมในการกำหนดเขตทางทะเลซึ่งเป็นจุดประสงค์ของ UNCLOS 1982 งานวิจัยนี้เป็นเพียงผลการวิเคราะห์และประมวลผลของผู้วิจัย โดยการใช้สภาวะแวดล้อมทางกายภาพเป็นข้อมูลหลักในการวิจัยเท่านั้น มิได้นำปัจจัยด้านอื่นๆ เช่น หลักฐานทางประวัติศาสตร์ หรือสภาวะแวดล้อมทางสังคมมาประกอบการพิจารณา ดังนั้นผลที่ได้เป็นเพียงความเห็นของผู้วิจัยเท่านั้น</p> สมาน ได้รายรัมย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 133 144 การวิเคราะห์ระบบการประมวลผลสัญญาณสำหรับการป้องกันการปฏิบัติการ ทางสงครามอิเล็กทรอนิกส์โดยรอบฐานบิน https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rtna/article/view/262997 <p>เนื่องด้วยในการปฏิบัติการของอากาศยานไร้คนขับสำหรับภารกิจการลาดตระเวนตรวจการณ์โดยรอบฐานบินนั้น จะต้องพึ่งพาระบบสื่อสารเป็นสำคัญ ทั้งระบบส่งภาพและระบบควบคุมการบิน การใช้งานสัญญาณสื่อสารและ/หรือสัญญาณที่ใกล้เคียงกันเป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายต่อสัญญาณสื่อสารของระบบอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อการปฏิบัติภารกิจอย่างมาก งานวิจัยนี้จึงได้ทำการออกแบบระบบจำลองที่มีความสามารถในการจำลองการเกิดสัญญาณรบกวน โดยแบ่งสัญญาณรบกวนออกเป็นสองประเภท คือ สัญญาณรบกวนแบบไม่ตั้งใจและแบบตั้งใจ โดยให้มีการวางตำแหน่งของแหล่งกำเนิดด้วยหลักการสุ่มที่เรียกว่า Stochastic Geometry ซึ่งเป็นแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ถูกนำมาใช้ในการจำลองสัญญาณรบกวนทั้งในระบบสื่อสารไร้สายและระบบเรดาร์ยานยนต์อีกทั้งยังออกแบบให้สัญญาณ 2 ประเภทนี้มีลักษณะสำคัญต่างกัน ผลที่ได้รับจากการทดลองพบว่าระบบสามารถจำลองให้เห็นผลกระทบของสัญญาณรบกวนทั้งสองประเภทได้ สอดคล้องกับสมมติฐานโดยมีแบบจำลองทางคณิตศาสตร์อ้างอิงสามารถนำรูปแบบของค่าเฉลี่ยของสัญญาณรบกวนที่ได้เป็นค่าตั้งต้นในการกำหนดขอบล่างของระบบสื่อสารของอากาศยานไร้คนขับ อีกทั้งงานวิจัยนี้ยังได้ทำการสาธิตการใช้งานของอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณรบกวนต้นแบบด้วยอุปกรณ์วิทยุซอฟท์แวร์ชนิดมีระบบฝังตัวแบบ USRP-E312 ซึ่งแสดงผลให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความเหมาะสมในการนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นระบบที่ใช้งานได้จริงต่อไป</p> วัชรพงศ์ เกตุปาน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-22 2025-08-22 8 1 145 160