แนวหน้าวิจัยนวัตกรรมทางวิศวกรรม https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/jermutt <p>แนวหน้าวิจัยนวัตกรรมทางวิศวกรรม ISSN 3056-9273 (Online) <span lang="TH"> มีการตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงในด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยเน้นงานวิจัยด้านวิศวกรรมศาสตร์เป็นหลัก โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัยทั้งภายในและภายนอกสถาบัน โดยตีพิมพ์ 2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม </span></p> en-US <p><span lang="TH">บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารแนวหน้าวิจัยนวัตกรรมทางวิศวกรรม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ เท่านั้น ไม่อนุญาติให้บุคคลหรือหน่วยงานใดคัดลอกเนื้อหาทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่เพื่อกระทำการใด ๆ ที่ไม่ถูกต้องตามหลักจริยธรรม</span></p> enjournal@en.rmutt.ac.th (ผศ. ดร.ปรกช สิริสุวัณณ์) enjournal@en.rmutt.ac.th (อมรรัตน์ ยิ้มอยู่) Tue, 19 Aug 2025 11:00:32 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การศึกษาความเป็นไปได้ของวัสดุผสมพอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูงที่ใช้แล้วกับผงเปลือกมะม่วง https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/jermutt/article/view/260926 <p>งานวิจัยนี้มุ่งเน้นศึกษาสมบัติเชิงกลบางประการ ได้แก่ ความต้านทานต่อแรงกระแทก ความต้านทานต่อแรงดึง และความแข็งของวัสดุผสมพอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (High Density Polyethylene, HDPE) ที่ใช้งานแล้วกับผงเปลือกมะม่วง ซึ่งได้รับการผสมด้วยกระบวนการแบบสองลูกกลิ้ง (Two Roll Mill) จากนั้นทำการขึ้นรูปชิ้นงานแผ่นสี่เหลี่ยมด้วยกระบวนการขึ้นรูปแบบอัด (Compression Molding) จากการทดลองพบว่าค่าความแข็งแบบร็อคเวลล์มีค่าเพิ่มขึ้นเมื่อปริมาณของผงเปลือกมะม่วงเพิ่มขึ้น โดยวัสดุผสมที่ใช้ผงเปลือกมะม่วงที่อัตราส่วน 50 pph (Parts Per Hundred) มีค่าความแข็งสูงที่สุดอยู่ที่ 68.29 อาจเนื่องมาจากการเข้าไปแทรกกระจายตัวใน HDPE ของผงเปลือกมะม่วงทำให้วัสดุผสมมีความแข็งเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้ามค่าความต้านทานต่อแรงกระแทกแบบไอซอด และค่าความต้านทานต่อแรงดึงมีค่าลดลงเมื่อปริมาณของผงเปลือกมะม่วงเพิ่มขึ้น โดยวัสดุผสมที่ใช้ผงเปลือกมะม่วงที่อัตราส่วน 10 pph มีค่าความต้านทานต่อแรงกระแทกแบบไอซอดและค่าความต้านทานต่อแรงดึงอยู่ที่ 0.08 J/mm และ 25.47 MPa ตามลำดับ ทั้งนี้อาจเกิดจากการที่ใช้ผงเปลือกมะม่วงในปริมาณที่สูงเกินไป เช่น ที่อัตราส่วน 30, 40 และ 50 pph การยึดเกาะระหว่าง HDPE กับผงเปลือกมะม่วงอาจทำได้ไม่ดี รวมไปถึงการที่อนุภาคของผงเปลือกมะม่วงเข้าไปแทรกตัวใน HDPE มากเกินไปอาจทำให้มีการจับตัวเป็นกลุ่ม ส่งผลให้สมบัติด้านความเหนียวลดลงและมีความแข็งเปราะ ดังนั้นวัสดุผสมที่ใช้ผงเปลือกมะม่วงที่อัตราส่วน 10 pph มีความเหมาะสมกับการนำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสมบัติด้านแรงดึงที่ดี ในขณะที่วัสดุผสมที่ใช้ผงเปลือกมะม่วงที่อัตราส่วน 50 pph มีความเหมาะสมกับการนำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความโดดเด่นในสมบัติด้านความแข็ง</p> อรรถพล สิมประดิษฐ์พันธุ์, กวิตา ฉัตรตระกูล, อโณทัย ผลสุวรรณ, วิเชียร ไชยลาด, ณรงค์ชัย โอเจริญ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 แนวหน้าวิจัยนวัตกรรมทางวิศวกรรม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/jermutt/article/view/260926 Tue, 19 Aug 2025 00:00:00 +0700 ระบบปรับสมดุลเฟสอัจฉริยะเพื่อการจัดการพลังงานอาคารเรียน: เปรียบเทียบการใช้ปัญญาประดิษฐ์ การย้ายฟีดเดอร์อัตโนมัติ และการแปลงพลังงานจากแบตเตอรี่ https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/jermutt/article/view/261674 <p>ในบริบทของประเทศไทยที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบริหารจัดการพลังงานในภาคอาคารเรียนอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน และส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม งานวิจัยนี้มุ่งวิเคราะห์ข้อมูลโหลดไฟฟ้าแบบเรียลไทม์จากอาคารเรียนช่างอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เพื่อพัฒนากลยุทธ์การจัดการด้านอุปสงค์ (Demand side management: DSM) ที่สอดคล้องกับสภาพการใช้งานจริง การศึกษานี้ได้ออกแบบและทดสอบระบบควบคุมโหลดไฟฟ้าอัตโนมัติในสามรูปแบบ ได้แก่ 1) การย้ายโหลดระหว่างสายป้อน (Feeder-shifting) เพื่อกระจายโหลดอย่างสมดุล 2) ระบบตัวแทนอัจฉริยะ (AI-agent) ที่สามารถเรียนรู้และปรับพฤติกรรมการควบคุมตามสภาพโหลดแบบพลวัต (Dynamic load) และ 3) ระบบแบตเตอรี่ร่วมกับอินเวอร์เตอร์ (Battery inverter) สำหรับลดภาระโหลดเฉพาะช่วงเวลาสำคัญ ผลการทดลองเชิงปฏิบัติแสดงให้เห็นว่า ระบบ AI-agent มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดค่าโหลดไฟฟ้าสูงสุด (Peak load) ได้เฉลี่ยถึง 21.7% รองลงมาคือระบบ Battery inverter ซึ่งลดได้ 15.3% และระบบ Feeder-shifting ที่ลดได้ 12.8% ตามลำดับ โดยระบบ AI-agent ยังแสดงศักยภาพในการเรียนรู้และตอบสนองต่อโหลดที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีเสถียรภาพ ข้อค้นพบของงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การผสานระบบควบคุมโหลดอัจฉริยะร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานแบบเรียลไทม์ มีศักยภาพสูงในการผลักดันอาคารเรียนสู่แนวทาง อาคารพลังงานสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero energy building: NZEB) และสามารถประยุกต์ใช้ในอาคารประเภทอื่น ๆ ที่มีลักษณะโหลดใกล้เคียง เช่น อาคารสำนักงานหรืออาคารสาธารณะ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระดับประเทศ</p> สันติ การีสันต์, สิทธิศักดิ์ โรจชะยะ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 แนวหน้าวิจัยนวัตกรรมทางวิศวกรรม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/jermutt/article/view/261674 Wed, 05 Nov 2025 00:00:00 +0700