วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1 <p><strong>วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1</strong></p> <p><strong>ISSN</strong> 3027-6799 (Online)</p> <p><strong>กำหนดออก : </strong>2 ฉบับต่อปี ดังนี้ ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - มิถุนายน และฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม - ธันวาคม</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ :</strong> วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 เป็นวารสารที่ตีพิมพ์บทความวิจัย บทความวิชาการ ที่เขียนด้วยภาษาไทย เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่องค์ความรู้ งานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรม ของนักวิจัยทั้งภายนอกและภายในสถาบัน</p> <p>......................................................................</p> th-TH [email protected] (Dr.Surat Promchun) [email protected] (Wichita Wetchapram) Fri, 29 Dec 2023 00:36:28 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การออกแบบและศึกษาประสิทธิภาพของหุ่นยนต์เก็บข้อมูลผู้ป่วยแสดงข้อมูลโดย NETPIE https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/254717 <p>วิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการออกแบบและศึกษาประสิทธิภาพของหุ่นยนต์เก็บข้อมูลผู้ป่วยแสดงข้อมูลโดย NETPIE โดยการวัดอุณหภูมิภายในร่างกายและอัตราการเต้นของหัวใจภายในร่างกาย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปแสดงยัง NETPIE โดยใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต สามารถช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถนำเวลาไปดูแลผู้ป่วยได้มากยิ่งขึ้น</p> <p>ผลการทดสอบสมรรถภาพของหุ่นยนต์เก็บข้อมูลผู้ป่วยแสดงข้อมูลโดย NETPIE สามารถแบ่งผลทดสอบออกเป็นดังนี้ การทดสอบความเร็วในการเคลื่อนที่ที่เหมาะสมกับหุ่นยนต์ฯ คือ 72 rpm การทดสอบตรวจวัดอุณหภูมิภายในร่างกายผู้ป่วย ค่าเฉลี่ยจากหุ่นยนต์วัดอุณหภูมิใช้เซนเซอร์ MLX90614 อยู่ที่ 36.08 °C และค่าเฉลี่ยจากเครื่องวัดอุณหภูมิใช้อุปกรณ์ Infrared Temp Gun อยู่ที่ 36.16 °C มีค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ ±0.08 °C การทดสอบตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจภายในร่างกายผู้ป่วย ข้อมูลจากเซนเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจภายในร่างกายกับข้อมูลที่ได้จากเครื่องตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจภายในร่างกาย ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 75.4 ครั้งต่อนาที และข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 76.1 ครั้งต่อนาที มีค่าคาดเคลื่อน ±0.7 ครั้งต่อนาที ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อหุ่นยนต์เก็บข้อมูลผู้ป่วยด้านความพึงพอใจต่อการใช้งานและด้านโครงสร้าง พบว่า มีความพึงพอใจขั้นตอนการใช้งานสะดวก ไม่ซับซ้อนอยู่ในระดับมากที่สุด ความพึงพอใจต่อสามารถเคลื่อนที่ได้ตรงตามตำแหน่งที่กำหนดไว้อยู่ในระดับมาก ความพึงพอใจต่อระบบขับเคลื่อนทำงานได้เหมาะสมอยู่ในระดับมาก ความพึงพอใจต่อรูปร่างและโครงสร้างแข็งแรงอยู่ในระดับมากที่สุด ความพึงพอใจในความปลอดภัยต่อการใช้งานอยู่ในระดับมาก และความพึงพอใจในความสะดวกต่อการวัดอุณหภูมิและอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในระดับมาก</p> ชลพรรษ บทมาตร, ถวัลย์ แสงนา, ภัทราภรณ์ ปอโนนสูง Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/254717 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 รูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการสอนด้วยชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) วิทยาลัยสารพัดช่างอุทัยธานี https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/254428 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์การสอนด้วยชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 2) สร้างและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการสอนด้วยชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 3) ดำเนินงานตามรูปแบบ และ 4) ประเมินผลการใช้รูปแบบ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา มี 4 ตอน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ครู วิทยาลัยสารพัดช่างอุทัยธานี จำนวน 29 คน ผู้ทรงคุณวุฒิสนทนากลุ่ม 9 คน ตรวจสอบคุณภาพรูปแบบ 7 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม แบบบันทึก และแบบรายงาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันภาพรวมอยู่ในระดับมากและสภาพที่พึงประสงค์ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ผลการสร้างรูปแบบมี 4 องค์ประกอบ และผลตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบ ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 3) การดำเนินงานตามรูปแบบ ผลระดับการปฏิบัติ ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผลสัมฤทธิ์ของผู้ร่วมกิจกรรม ภาพรวมสูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 83.29 และ 4) การประเมินผลการใช้รูปแบบ 4.1) ความพึงพอใจของครู ที่มีต่อการใช้รูปแบบ ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 4.2) ผลการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนของครูจากการใช้รูปแบบ จำนวน 29 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 100 4.3) ผลสัมฤทธิ์ด้านพัฒนาเครือข่ายจากการใช้รูปแบบ เครือข่ายชุมชนการเรียนรู้จำนวน 7 เครือข่าย คิดเป็นร้อยละ 100</p> จุรี ทัพวงษ์, พัณบงกช ปาณมาลา, กิติชัย รุจิมงคล Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/254428 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 แนวทางพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมของเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่แพะลุ่มน้ำปากพนัง https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/253325 <p class="11"><span lang="TH">การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางพัฒนาและถ่ายทอดการเรียนรู้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมของเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่แพะลุ่มน้ำปากพนังจังหวัดนครศรีธรรมราช </span>Smart Farmer <span lang="TH">ต้นแบบ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ ประธาน รองประธานและกรรมการกลุ่มที่เป็นผู้ประกอบการ สมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่แพะลุ่มน้ำปากพนัง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ปี </span>2565<span lang="TH"> ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้มีจำนวน 110 คน การเลือกแบบเจาะจง (</span>Purposive Sampling) <span lang="TH">ได้กลุ่มตัวอย่าง </span>65<span lang="TH"> คน เครื่องมือที่ใช้ศึกษาคือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ผลโดยสถิติค่าเฉลี่ย (</span>Mean) <span lang="TH">และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (</span>Standard Deviation)</p> <p class="11"><span lang="TH">ผลการศึกษา ดังนี้ </span>1) <span lang="TH">แนวทางพัฒนาขับเคลื่อนศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมของเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่แพะลุ่มน้ำปากพนังจังหวัดนครศรีธรรมราชมีความต้องการพัฒนาด้านการสื่อสารมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ได้แก่ </span>1.1) <span lang="TH">ด้านการเก็บข้อมูลควรพัฒนาการใช้เทคโนโลยีแปรรูปผลผลิตจากการเลี้ยงแพะ </span>1.2) <span lang="TH">ด้านการสื่อสารควรพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต/ลดต้นทุนให้กับเกษตรกร </span>1.3) <span lang="TH">ด้านการวิเคราะห์/พยากรณ์ควรพัฒนาการขยายผลพัฒนา/ดัดแปลงเครื่องจักรกลจากภูมิปัญญาเครื่องจักรกลเกษตรเพื่อลดการใช้แรงงานคนเพื่อใช้กับเกษตรกรรายย่อย </span>1.4) <span lang="TH">ด้านระบบช่วยตัดสินใจควรพัฒนาการเชื่อมโยงตลาดเพื่อให้เกษตรกรขายผ่าน </span>E-commerce 2) <span lang="TH">แนวทางการถ่ายทอดการเรียนรู้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมของเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่แพะลุ่มน้ำปากพนังจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้องการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ (</span>Reskill &amp; Upskill) <span lang="TH">มากที่สุด</span></p> พรหมพักตร์ บุญรักษา, พัชรินทร์ อินทมาส, อุไรวรรณ วันทอง Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/253325 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาแบบจำลองระบบโซ่อุปทานดิจิทัลเพื่อการจัดการศึกษาตามกรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาในประเทศไทย https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/252718 <p>การพัฒนาแบบจำลองระบบโซ่อุปทานดิจิทัลเพื่อการจัดการศึกษาตามกรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาในประเทศไทยประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ ได้แก่ ผู้ส่งมอบ ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ นักศึกษาเป็นเลิศด้านวิชาชีพ ลูกค้า ความพึงพอใจ การตอบสนอง วัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) พัฒนาแบบจำลองระบบโซ่อุปทานดิจิทัลเพื่อการจัดการศึกษาตามกรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาในประเทศไทย และ 2) ประเมินความเหมาะสมแบบจำลองระบบโซ่อุปทานดิจิทัลเพื่อการจัดการศึกษาตามกรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านโซ่อุปทาน จำนวน 5 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตร จำนวน 5 คน รวมผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 10 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวัดประเมินผลแบบจำลองใช้วิธีทดสอบ Black Box Testing </p> <p>ผลการประเมินผู้เชี่ยวชาญยอมรับแบบจำลองระบบโซ่อุปทานดิจิทัลเพื่อการจัดการศึกษาตามกรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาในประเทศไทยมีความหมาะสมระดับมาก แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาแบบจำลองระบบโซ่อุปทานดิจิทัลเพื่อการจัดการศึกษาตามกรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาในประเทศไทยประยุกต์ติดตั้งการทำงานได้จริง</p> อรรถพล จันทร์สมุด Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/252718 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/252805 <p>การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และ 2) สำรวจความคิดเห็นที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยประเภท BEV และ PHEV จำนวนทั้งสิ้น 200 คน โดยวิธีการสุ่ม ทำการวิเคราะห์การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test One-way ANOVA และ Multiple Regression โดยผลการศึกษาพฤติกรรม พบว่า ส่วนใหญ่ชาร์จที่บ้าน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยมีระยะเวลาการชาร์จโดยเฉลี่ย 31-60 นาที ด้านปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด 7P พบว่า ด้านกระบวนการเป็นปัจจัยในการตัดสินใจชาร์จมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ตามลำดับ</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) เพศ อายุ อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และจำนวนรถยนต์ มีผลต่อการตัดสินใจใช้สถานีชาร์จ ด้านช่องทางการชำระเงินที่มีความหลากหลาย และด้านความปลอดภัยทั้งบริเวณโดยรอบสถานีชาร์จ 2) ผลการทดสอบความสัมพันธ์ที่มีต่อการตัดสินใจใช้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า พบว่า ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด 7P ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านช่องทางการจัดจำหน่าย มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเลือกใช้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยสามารถทำนายการตัดสินใจเลือกใช้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ร้อยละ 35.1</p> ชุษณา เทียนทอง Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/252805 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 การสร้างและหาประสิทธิภาพชุดการสอน วิชางานฝึกฝีมือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/253747 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพชุดการสอนวิชางานฝึกฝีมือ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E<sub>1</sub>/E<sub>2 </sub>= 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้ชุดการสอนวิชางานฝึกฝีมือ 3) ศึกษาระดับความพึงพอใจของครูผู้สอนที่มีต่อชุดการสอนวิชางานฝึกฝีมือ และ 4) ศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนวิชางานฝึกฝีมือ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือนักเรียนแผนกวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง กลุ่ม 5-6 วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 35 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test</p> <p>สรุปผลได้ดังนี้ 1) ชุดการสอนวิชางานฝึกฝีมือ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.38/84.90 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้ชุดการสอนวิชางานฝึกฝีมือ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 3) ครูผู้สอนมีความพึงพอใจต่อชุดการสอนวิชางานฝึกฝีมือ อยู่ในระดับมาก และ 4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนวิชางานฝึกฝีมือ อยู่ในระดับมาก</p> สุเทพ นุชิต Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/253747 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในสหวิทยาเขตรัชวิภา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/252906 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูต่อภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในสหวิทยาเขตรัชวิภา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 และ 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูและครูที่มี เพศ ตำแหน่ง ประสบการณ์การทำงานในตำแหน่ง อายุและขนาดสถานศึกษาต่อภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 กลุ่มตัวอย่างคือผู้บริหารสถานศึกษาและครูจากโรงเรียนในสหวิทยาเขตรัชวิภา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 จำนวน 289 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) การทดสอบความแตกต่างรายคู่แบบ LSD และการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในสหวิทยาเขตรัชวิภา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 ทั้งโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และ 2) ผู้บริหารและครูที่มี เพศ ตำแหน่ง ประสบการณ์การทำงานในตำแหน่ง อายุและขนาดสถานศึกษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารไม่แตกต่างกัน</p> นิติกร ระดม, ชลาภรณ์ สุวรรณสัมฤทธิ์ Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/252906 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 การศึกษารูปแบบการจัดการเรียนรู้และการวัดผลสัมฤทธิ์โดยใช้แพลตฟอร์มทางการศึกษา ด้วยกระบวนการสอนแบบสะตีมศึกษาที่บูรณาการด้วยการสอนแบบโครงการงานเป็นฐานของกลุ่มภาคีเครือข่ายในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดสงขลา https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/254442 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสอนแบบสะตีมศึกษาที่บูรณาการด้วยการสอนแบบโครงการงานเป็นฐาน 2) พัฒนาเครื่องมือวัดผลและประเมินผลโดยใช้แพลตฟอร์มทางการศึกษา 3) ประเมินความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้และการวัดผลสัมฤทธิ์โดยใช้แพลตฟอร์มทางการศึกษาด้วยกระบวนการสอนแบบสะตีมศึกษาที่บูรณาการด้วยการสอนแบบโครงการงานเป็นฐาน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือครูผู้สอน/บุคลากรทางการศึกษา กลุ่มภาคีเครือข่ายในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดสงขลาพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 50 คน ได้มาโดยวิธีเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบประเมินความเหมาะสมและความสอดคล้อง แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ ได้แก่ การหาค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และแปลผลโดยนำค่าเฉลี่ยมาเทียบกับเกณฑ์</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสอนแบบสะตีมศึกษาที่บูรณาการด้วยการสอนแบบโครงการงานเป็นฐาน ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนคือ การระบุปัญหา (Define) รวบรวมข้อมูล (Discover) การออกแบบ วางแผน พัฒนา (Design Plan and Develop) การทดสอบและประเมินผล (Test and Evaluation) และการนำเสนอผลลัพธ์ (Present the Creation) 2) ผลการพัฒนาเครื่องมือวัดผลและประเมินผลโดยใช้แพลตฟอร์มทางการศึกษา โดยภาพรวมเครื่องมือมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด และ 3) ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้สอนและผู้เรียนที่มีต่อแพลตฟอร์มทางการวัดและประเมินผล เฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด</p> ฉารีฝ๊ะ หัดยี, อภิชญา ขวัญแก้ว, ทรงนคร การนา, ฤทัย ประทุมทอง Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/254442 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้เรียนที่มีต่อการใช้ระบบบริการการเรียนรู้ โดยใช้กฎความสัมพันธ์ https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/253590 <p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมของผู้เรียนในการใช้ระบบบริการการเรียนรู้โดยใช้กฎความสัมพันธ์ 2) ศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ระบบบริการการเรียนรู้ด้วยวิธีกฎความสัมพันธ์ และ 3) หารูปแบบที่เหมาะสมสำหรับระบบบริการการเรียนรู้ด้วยวิธีกฎความสัมพันธ์ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามกับนักศึกษาระดับปริญญาตรี ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีที่ใช้งานระบบบริการการเรียนรู้ 402 คน ทำการวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนาและหาความสัมพันธ์ของพฤติกรรมโดยใช้กฎความสัมพันธ์ด้วยอัลกอริทึม Apriori กำหนดค่าซัพพอร์ทและค่าความเชื่อมั่น 50% และ 80% ตามลำดับ</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้เรียนใช้ระบบบริการการเรียนรู้เพื่อเรียนประกอบในรายวิชาและส่งการบ้าน ผู้เรียนจะเลือกใช้สื่อประกอบโดยเฉพาะสื่อแบบมัลติมีเดียเป็นสื่อหลักสำหรับการเรียนรู้ ทั้งนี้ความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อระบบบริการการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก 2) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นด้วยด้วยอัลกอริทึม Apriori ได้กฎจากข้อมูลชุดนี้จำนวน 73 กฎ เมื่อพิจารณาจากค่าระดับความเชื่อมั่นที่ 95 และจากค่าสหสัมพันธ์ (Lift) ของกฎที่มีค่ามากกว่า 1 ได้จำนวน 5 กฎ 3) จากพฤติกรรมของผู้เรียนและพฤติกรรมของผู้ใช้ระบบจากการวิเคราะห์ด้วยกฎความสัมพันธ์สามารถสร้างรูปแบบระบบบริการการเรียนรู้ที่เหมาะสมได้ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบที่เลือกจากพฤติกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย ด้านระบบ ด้านการโต้ตอบ ด้านสื่อการสอน และด้านการวัดประเมินผล และรูปแบบที่เลือกจากกฎความสัมพันธ์ ประกอบด้วย ด้านอีเมล ด้านการโต้ตอบกับผู้เรียน ด้านการทดสอบและด้านการส่งงาน จากผลการศึกษานี้สามารถนำมาเป็นแนวทางที่ใช้ในการพัฒนาระบบบริการการเรียนรู้หรือสื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ได้</p> จุฑามาศ กระจ่างศรี Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/253590 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 สภาพ และความต้องการจำเป็นในการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัล ของนักศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/253735 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ 2) ประเมินความต้องการจำเป็นการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม ปีการศึกษา 2565 จำนวนทั้งสิ้น 238 คน จากจำนวน 8 สาขาวิชา กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้เกณฑ์ร้อยละ โดยวิธีการสุ่มแบบ แบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ (1) แบบสอบถามสภาพปัจจุบัน มีค่าดัชนีความสอดคล้อง ระหว่าง .80-1.00 ค่าอำนาจจำแนก .51-.87 ค่าความเชื่อมั่น .98 (2) แบบสอบถามสภาพที่พึงประสงค์ มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง .80 -1.00 ค่าอำนาจจำแนก .43-.83 ค่าความเชื่อมั่น .97 สถิติที่ใช้ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีการจัดลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันของการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์การเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ความต้องการจำเป็นการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม มีค่าดัชนีการจัดลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นแบบปรับปรุง โดยรวมมีค่าเท่ากับ 0.239 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มี 1 ด้าน ที่มีค่าสูงกว่าค่าโดยรวม ได้แก่ ด้านที่ 2 ด้านใช้งานดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบและปลอดภัย (PNI<sub>Modified</sub> = 0.255)</p> จารุวรรณ เขียวน้ำชุม Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/253735 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 ลีลาการเรียนรู้ของนักศึกษาหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (คอบ.4 ปี) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/250347 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาลีลาการเรียนรู้ของนักศึกษา หลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (คอบ.4 ปี) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และ 2) เปรียบเทียบลีลาการเรียนรู้ของนักศึกษา หลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (คอบ.4 ปี) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จำแนกตามชั้นปี และสาขาวิชา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (คอบ.4 ปี) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ประจำปีการศึกษา 2565 จำนวน 221 คน คำนวณหาขนาดของกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และหากพบความแตกต่างทางสถิติจะทำการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ใช้วิธีการทดสอบของเชฟเฟ่ (Scheffe)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ลีลาการเรียนรู้ของนักศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ลีลาการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก คือ แบบพึ่งพา แบบร่วมมือ แบบมีส่วนร่วม แบบแข่งขัน แบบอิสระ ส่วนลีลาการเรียนรู้ในระดับปานกลาง คือ แบบหลีกเลี่ยง 2) การเปรียบเทียบลีลาการเรียนรู้ของนักศึกษา หลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (คอบ.4 ปี) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จำแนกตามชั้นปี พบว่า โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน ส่วนลีลาการเรียนรู้จำแนกตามสาขาวิชา พบว่า โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า นักศึกษาสาขาวิศวกรรมเครื่องกล และนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มีลีลาการเรียนรู้แบบหลีกเลี่ยงแตกต่างกัน ส่วนคู่อื่น ๆ ไม่มีความแตกต่างกัน</p> ณัฐพงษ์ โตมั่น, รพีภรณ์ เบญจพิทักษ์ดิลก Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/250347 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาความสามารถด้านการเขียนย่อความของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาร่วมกับแผนภาพความคิด https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/252586 <p>การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความสามารถด้านการเขียนย่อความของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาร่วมกับแผนภาพความคิด และ 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาร่วมกับแผนภาพความคิด ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนวิชาภาษาไทย ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม จำนวน 4 ห้องเรียนที่จัดห้องเรียนตามแผนการเรียน จำนวน 184 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 มีจำนวน 30 คน และกำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ด้วยวิธีการจับสลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้การเขียนย่อความโดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาร่วมกับแผนภาพความคิดจำนวน 3 แผน 2) แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการเขียนย่อความฉบับก่อนเรียนและหลังเรียน แบบอัตนัย จำนวนชุดละ 2 ข้อ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาร่วมกับแผนภาพความคิด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานใช้การทดสอบค่าที (t-test for Dependent Samples)</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้การเขียนย่อความโดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาร่วมกับแผนภาพความคิด มีความสามารถด้านการเขียนย่อความหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 2) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปาร่วมกับแผนภาพความคิด ในด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในภาพรวม นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด และในด้านประโยชน์ที่ได้รับในภาพรวม นักเรียน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด</p> ศุภณัฐ เทียนทอง, รัศมี ธัญญาศิริทรัพย์ Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/252586 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700 แนวทางการบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่องค์กรสมรรถนะสูง https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/254219 <p>ในการบริหารสถานศึกษาให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูง แนวทางการบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่องค์กรสมรรถนะสูง ถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนสถานศึกษา ให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุดได้โดยการนำแนวทางการบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่องค์กรสมรรถนะสูง ที่ประกอบองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การพัฒนาระบบการบริหารจัดการเชิงรุก 2) การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะและรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย 3) การพัฒนาครูและผู้เชี่ยวชาญในอาชีพเฉพาะทาง 4) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็ง และ 5) ปัจจัยสนับสนุนพิเศษที่เอื้อต่อการผลิตกำลังคนอาชีวศึกษาคุณภาพสูง ดังนั้นการพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูง จึงมีความจำเป็นในการที่จะทำให้องค์กรมุ่งสู่องค์กรสมรรถนะสูง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดขององค์กร และความก้าวหน้าขององค์กรต่อไป</p> พัชรินทร์ อักษรผอม, สุนทรี วรรณไพเราะ Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/csnp_veis1/article/view/254219 Fri, 29 Dec 2023 00:00:00 +0700