วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal <p>วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ISSN 3057-191X (Print)<br />ISSN 3057-1944 (Online) มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่มีคุณค่าของบุคลากร ภายในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า กองทัพบก กองทัพไทย และบุคคลทั่วไป</p> <p>โดยมีขอบเขตการตีพิมพ์ในด้านการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการทหาร การรักษาความปลอดภัย และความมั่นคง วารสารฯ มีกำหนดออกในเดือนธันวาคมของแต่ละปี</p> th-TH <p><span style="font-weight: 400;">ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ</span></p> crmajournal@crma.ac.th (Phaderm Nangsue) crmajournal@crma.ac.th (Parinya Kiatpachai) Thu, 06 Nov 2025 17:50:08 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของพื้นที่จัดเก็บในแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้า https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/256942 <p class="p1">ระบบสารสนเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลที่มาจากแหล่งข้อมูลต้นทางจะเก็บแบบกระจัดกระจายในระบบภายนอก ก่อนจะถูกเชื่อมโยงมาจัดเก็บในแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้า ซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้ทุกประเภทอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในมิติต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การให้บริการและแลกเปลี่ยนข้อมูล และการทำรายงาน เพื่อให้ผู้บริหารสามารถนำข้อมูลและรายงานเหล่านี้ ไปใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลได้อย่างแท้จริง</p> <p class="p1">อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเชื่อมโยงเข้ามาจัดเก็บในแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้านั้น มาจากระบบภายนอกที่มีรูปแบบการจัดเก็บที่หลากหลาย ทำให้ระบบมีรูปแบบข้อมูลบนหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ต่างกัน เช่น โครงสร้างแบบเรียงตามแถวเป็นหลัก หรือ แบบเรียงตามคอลัมน์เป็นหลัก การจัดเก็บข้อมูลเป็นไฟล์แบบไบนารี หรือเป็นไฟล์แบบข้อความ รวมทั้งรองรับการบีบอัดข้อมูล เป็นต้น เนื่องจากแต่ละรูปแบบต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันทำให้ไม่มีรูปแบบใดที่ดีที่สุด คณะผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของรูปแบบไฟล์ข้อมูลที่จัดเก็บบนแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้า เพื่อหารูปแบบไฟล์ข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการทำงานในกรณีต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยผลการทดลองชี้ให้เห็นว่ารูปแบบไฟล์ข้อมูลแบบเรียงตามแถวเหมาะกับการนำเข้าและจัดเก็บข้อมูลที่นำมาจากต้นทางมากกว่า ส่วนรูปแบบไฟล์ข้อมูลแบบเรียงตามคอลัมน์จะเหมาะกับการเรียกดูข้อมูลหรือนำข้อมูลไปวิเคราะห์ด้วยชุดคำสั่งที่ซับซ้อนมากกว่า<span style="font-weight: 400;">อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเชื่อมโยงเข้ามาจัดเก็บในแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้านั้น มาจากระบบภายนอกที่มีรูปแบบการจัดเก็บที่หลากหลาย ทำให้ระบบมีรูปแบบข้อมูลบนหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ต่างกัน เช่น โครงสร้างแบบเรียงตามแถวเป็นหลัก หรือ แบบแบบเรียงตามคอลัมน์เป็นหลัก การจัดเก็บข้อมูลเป็นไฟล์แบบไบนารี หรือเป็นไฟล์แบบข้อความ รวมทั้งรองรับการบีบอัดข้อมูล เป็นต้น เนื่องจากแต่ละรูปแบบต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันทำให้ไม่มีรูปแบบใดที่ดีที่สุด คณะผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของรูปแบบไฟล์ข้อมูลที่จัดเก็บบนแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้า เพื่อหารูปแบบไฟล์ข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการทำงานในกรณีต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยผลการทดลองชี้ให้เห็นว่า รูปแบบไฟล์ข้อมูลแบบเรียงตามแถวเหมาะกับการนำเข้าและจัดเก็บข้อมูลที่นำมาจากต้นทางมากกว่า ส่วนรูปแบบไฟล์ข้อมูลแบบเรียงตามคอลัมน์จะเหมาะกับการเรียกดูข้อมูลหรือนำข้อมูลไปวิเคราะห์ด้วยชุดคำสั่งที่ซับซ้อนมากกว่า </span></p> เกียรติศักดิ์ อุทัยศรี, วรภัทร ไพรีเกรง, ทศพล พันธุ์กำแหง, วีรพงศ์ ตั้นเจริญ, ณรงค์ ภูมิสุข ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/256942 Thu, 06 Nov 2025 00:00:00 +0700 การวิเคราะห์การไหลเวียนของอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็กผ่านแผงเกล็ดบังแดดภายใน ช่องว่างอากาศด้วยแบบจำลอง CFD https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/257738 <p class="p1">การออกแบบผนังเปลือกอาคารด้วยการใช้แผงเกล็ดบังแดดที่สามารถป้องกันแสงแดดได้ดีและสามารถกักกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ด้วยนั้นเป็นแนวคิดที่จะพัฒนาระบบผนังเปลือกอาคารให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้นกว่าผนังทั่ว ๆ ไป ซึ่งจะต้องออกแบบระบบไหลเวียนของอากาศ และสร้างสภาพแวดล้อมภายในช่องว่างอากาศให้มีการตกค้างของฝุ่นละอองมากที่สุด การวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการไหลเวียนของอากาศและกักกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กผ่านแผงเกล็ดบังแดดภายในช่องว่างอากาศด้วยโปรแกรมการเคลื่อนที่ของอากาศพลศาสตร์ Computational Fluid Dynamics (CFD) โดยการขั้นตอนการวิจัยจะศึกษาพารามิเตอร์ต่าง ๆ ประกอบด้วยขนาดของช่องว่างอากาศ ตำแหน่งช่องเปิดทางเข้าและทางออกของกระแสลม รูปร่างของแผงเกล็ดบังแดดและปริมาณฝุ่นละอองที่ตกค้างภายในช่องอากาศ ผ่านทางกล่องทดสอบจำนวน 4 กล่อง และประเมินผลด้วยซอฟต์แวร์ SOLIDWORKS 2023 (Flow Simulation) ผลการวิจัยพบว่า ขนาดช่องว่างอากาศที่แคบจะส่งผลให้เกิดแรงดันภายในกล่องทดสอบเพิ่มขึ้น จึงทำให้มีความเร็วลมเพิ่มขึ้น กระแสลมที่เคลื่อนที่จากช่องเปิดด้านจากด้านล่างขึ้นบนจะมีจุดอับลมน้อยกว่าแบบด้านบนลงล่าง ส่งผลให้กล่องทดสอบ (a.2) สามารถกักกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้มากถึง 24% โดยปราศจากเครื่องกลเข้าช่วย และถ้าต้องการลดความแปรปวนภายในช่องว่างอากาศควรหลีกเลี่ยงรูปทรงที่เป็นเหลี่ยมมุม ผลสรุปที่ได้จากงานวิจัยนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อนำไปสู่การออกแบบพัฒนาและปรับปรุงระบบผนังเปลือกอาคารที่อาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างแผงเกล็ดบังแดดและการควบคุมการไหลเวียนของอากาศบริเวณผนังอาคาร เพื่อเพิ่มคุณสมบัติการกักกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ด้วย</p> วินัย หมั่นคติธรรม, รัฐศักดิ์ พรหมมาศ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/257738 Thu, 06 Nov 2025 00:00:00 +0700 การทำนายระยะการแอ่นของแผ่นวัสดุคอมโพสิตที่มีขอบสองด้านตรงข้ามรองรับแบบยึดแน่นและอีกสองด้านปล่อยอิสระ ด้วยการวิเคราะห์แบบถดถอย https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/261900 <p>งานวิจัยนี้นำเสนอการวิเคราะห์ระยะการแอ่นของแผ่นวัสดุคอมโพสิตที่มีขอบสองด้านตรงข้ามรองรับแบบยึดแน่นและอีกสองด้านปล่อยอิสระ ภายใต้ภาระแบบกระจายสม่ำเสมอ โดยใช้การวิเคราะห์แบบถดถอยไม่เชิงเส้น เพื่อทำนายระยะการแอ่น โดยพิจารณาพารามิเตอร์สำคัญ ได้แก่ อัตราส่วนทางเรขาคณิต และรูปแบบการเรียงตัวของเส้นใย แบบจำลองการวิเคราะห์แบบถดถอยถูกพัฒนาจากข้อมูลที่ได้จากการจำลองด้วยไฟไนต์เอลิเมนต์ซอฟต์แวร์ ในช่วงอัตราส่วนทางเรขาคณิต 1:1 ถึง 5:1 และรูปแบบการเรียงตัวของเส้นใยแบบ [0]<sub>4</sub>, [0/90]<sub>s</sub>, [90/0]<sub>s</sub> และ [90]<sub>4</sub> จากผลการวิจัยพบว่าแบบจำลองการวิเคราะห์แบบถดถอยไม่เชิงเส้นสามารถทำนายระยะการแอ่นได้อย่างแม่นยำ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจมากกว่า 0.95 และสามารถอธิบายความสัมพันธ์เชิงซ้อนของพารามิเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ สมการที่มีจำนวนพารามิเตอร์น้อย เช่น สมการกำลังหรือสมการเลขชี้กำลัง มีความเหมาะสมมากกว่าสำหรับการใช้งานจริง เนื่องจากลดความเสี่ยงจากการโอเวอร์ฟิต และสะดวกต่อการตีความทางวิศวกรรม งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าการวิเคราะห์แบบถดถอยไม่เชิงเส้นเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการออกแบบโครงสร้างคอมโพสิตที่ต้องการควบคุมการเสียรูปอย่างมีประสิทธิภาพ</p> กุลทรัพย์ ผ่องศรีสุข, ปิยะพันธ์ ธรรมปัญญา, พงษ์นุกร ไทยะ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/261900 Thu, 06 Nov 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาอาคารกองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในจักรวาลนฤมิต เพื่อเป็นสื่อการเรียนวิชาวิศวกรรมป้องกันประเทศด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/260663 <p class="p1">บทความวิจัยและพัฒนานี้ เป็นการสร้างอาคารกองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในจักรวาลนฤมิต โดยได้ออกแบบกรอบการทำงานเพื่อเป็นแนวทางให้วิศวกรได้ศึกษาเป็นต้นแบบการวิจัยพัฒนาการสร้างอาคารในจักรวาลนฤมิต และสร้างห้องรับรองสุโขทัยขนาดจริงครบถ้วนทุกมิติด้วยโปรแกรม เบลนเดอร์ มีรายนามผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าทุกท่านบนผนังเสมือนจริงสวยงามทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ใช้เป็นห้องรับรองต้อนรับผู้มาเยือนออนไลน์ในรูปแบบอวทาร์จากทั่วทุกมุมโลกแบบถ่ายทอดสด ใช้เป็นห้องสัมมนาในโลกเสมือนจริง นักเรียนนายร้อยสามารถเป็นอวทาร์เข้ามานั่งเรียนได้พร้อมกันเสมือนอยู่ในห้องเรียน และใช้โปรแกรมยูนิตี สร้างสื่อการเรียนรู้วิชาวิศวกรรมป้องกันประเทศในจักรวาลนฤมิตเรียนรู้การประกอบชิ้นส่วนอาวุธปืนด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน เพื่อให้การวิจัยพัฒนานี้เป็นสื่อการเรียนวิศวกรรมป้องกันที่ทันสมัยของประเทศและถูกนำไปใช้ต่อยอดสืบไปในอนาคต</p> ปรเมศวร์ กุมารบุญ, สิรภพ แสงทองคำ, ผเดิม หนังสือ, อาศิส บุณยะประภัศร, ลัญฉกร วุฒิสิทธิกุลกิจ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/260663 Thu, 06 Nov 2025 00:00:00 +0700 การเสียรูปของแผ่นวัสดุคอมโพสิตที่มีขอบสองด้านตรงข้ามรองรับแบบยึดแน่นและอีกสองด้านปล่อยอิสระ https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/261899 <p>งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาการเสียรูปของแผ่นวัสดุคอมโพสิตที่มีขอบสองด้านตรงข้ามรองรับแบบยึดแน่นและอีกสองด้านปล่อยอิสระ รับภาระแบบกระจายสม่ำเสมอกระทำตั้งฉากกับแผ่น โดยใช้ไฟไนต์เอลิเมนต์ซอฟต์แวร์ในการคำนวณระยะการแอ่นและความเค้นดัดของแผ่นวัสดุคอมโพสิตที่มีอัตราส่วนทางเรขาคณิต 1:1 ถึง 5:1 รวมถึงมีรูปแบบการเรียงตัวของเส้นใยแบบ [0]<sub>4</sub>, [0/90]<sub>s</sub>, [90/0]<sub>s</sub> และ [90]<sub>4</sub> จากผลการศึกษาพบว่าการกระจายของระยะการแอ่นและความเค้นดัดมีแนวโน้มที่คล้ายกันในทุกอัตราส่วนทางเรขาคณิต โดยระยะการแอ่นสูงสุดเกิดขึ้นบริเวณกลางแผ่น ส่วนความเค้นดัดสูงสุดเกิดขึ้นบริเวณขอบที่มีการรองรับแบบยึดแน่น นอกจากนี้ยังพบว่าระยะการแอ่นและความเค้นดัดจะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราส่วนทางเรขาคณิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากโมเมนต์ดัดที่สูงขึ้นในแผ่นที่ยาวขึ้น ทั้งนี้แผ่นวัสดุคอมโพสิตที่มีการเรียงตัวของเส้นใยแบบ [90]<sub>4</sub> มีระยะการแอ่นและความเค้นดัดสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับการเรียงตัวของเส้นใยแบบอื่น เนื่องจากค่าความแข็งเกร็งดัดในแนวแกนและโมเมนต์ความเฉื่อยของหน้าตัดที่ต่ำกว่า ผลการศึกษานี้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการออกแบบโครงสร้างคอมโพสิตที่ต้องการควบคุมการแอ่นตัวและความเค้นดัดให้เหมาะสมกับการใช้งานทางวิศวกรรม</p> กุลทรัพย์ ผ่องศรีสุข, ปิยะพันธ์ ธรรมปัญญา, พงษ์นุกร ไทยะ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/261899 Thu, 06 Nov 2025 00:00:00 +0700 การศึกษาและพัฒนาวิธีการและอุปกรณ์ในการลดอุณหภูมิน้ำดื่มจากปฏิกิริยาเคมี เพื่อใช้ในการฝึกภาคสนาม https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/261270 <p class="p1">งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปริมาณสารเคมีที่เหมาะสมในการลดอุณหภูมิน้ำดื่มแบบบรรจุขวด ขนาด 330 มิลลิลิตร ให้เหลือ 15 องศาเซลเซียส ในระยะเวลาที่สั้นกว่าการใช้น้ำแข็ง ออกแบบและพัฒนาวิธีการและอุปกรณ์ลดอุณหภูมิน้ำดื่มจากปฏิกิริยาเคมีเพื่อใช้ในการฝึกภาคสนาม จากการศึกษาพบว่าค่าเฉลี่ยระยะเวลาที่น้ำแข็งลดอุณหภูมิน้ำดื่มให้เหลือ 15 องศาเซลเซียส เท่ากับ 37.00±1.00 นาที ศึกษาปริมาณสารเคมีที่เหมาะสมในการลดอุณหภูมิน้ำดื่มให้เหลือ 15 องศาเซลเซียส พบว่า ปฏิกิริยาระหว่างแบเรียมไฮดรอกไซด์ออกตะไฮเดรต ปริมาณ 157.74 กรัม กับแอมโมเนียมไทโอไซยาเนต ปริมาณ 76.12 กรัม มีค่าเฉลี่ยระยะเวลาที่ลดอุณหภูมิน้ำดื่มให้เหลือ 15 องศาเซลเซียส เท่ากับ 30.33±0.58 นาที การออกแบบและพัฒนาวิธีการและอุปกรณ์ลดอุณหภูมิน้ำดื่ม ผลการพิจารณาทางเลือกในการปล่อยแก๊สแอมโมเนียออกจากถุงซิปล็อคพบว่า วิธีที่เหมาะสมที่สุดได้แก่ วิธีที่ 3 และทางเลือกในการเพิ่มการแนบสนิทของถุงซิปล็อคพบว่าวิธีที่เหมาะสมที่สุด ได้แก่ วิธีที่ 3 เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์พบว่ามีค่าเฉลี่ยระยะเวลาที่ลดอุณหภูมิน้ำดื่มให้เหลือ 15 องศาเซลเซียส เท่ากับ 14.00±1.00 นาที ซึ่งสั้นกว่าระยะเวลาเฉลี่ยที่น้ำแข็งและสารเคมีลดอุณหภูมิน้ำดื่ม</p> ภัทรียา ตัณฑิกุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/261270 Thu, 06 Nov 2025 00:00:00 +0700 การประเมินประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียชุมชนและแนวทางการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้ว กลับมาใช้ใหม่: กรณีศึกษาเมืองพัทยา https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/262609 <p class="p1">พัทยาเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกของประเทศไทย แต่ละปีมีน้ำเสียชุมชนไม่น้อยกว่า 28.57 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ที่ต้องเข้าสู่ระบบบำบัด งานวิจัยนี้เป็นการประเมินประสิทธิภาพของการบำบัดน้ำเสียชุมชนและการเสนอวิธีการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดไปใช้ประโยชน์ โดยอาศัยข้อมูลผลการดำเนินงานของการบำบัดน้ำเสียตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561-2566 และนโยบายและการบริหารจัดการน้ำภายใต้หลักการอนุรักษ์น้ำที่ยั่งยืน ผลการประเมินพบว่า โรงบำบัดน้ำเสียที่ 1 (ซอยหนองใหญ่) และโรงบำบัดน้ำเสียที่ 2 (ซอยวัดบุณย์กัญจนาราม) รับน้ำเสียกว่า 22.95 และ 5.62 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ตามลำดับ มีประสิทธิภาพในการบำบัดนำ้เสียตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากระบบน้ำเสียรวมชุมชน โดยสามารถกำจัดซีโอดี (Chemical oxygen demand) ได้เฉลี่ยร้อยละ 54.81 - 69.36 บีโอดี (Biochemical oxygen demand) เฉลี่ยร้อยละ 63.56 - 82.27 และไนโตรเจนและสารอินทรีย์ไนโตรเจน (total Kjeldahl nitrogen) เฉลี่ยร้อยละ 81.07 - 89.28 น้ำที่ผ่านการบำบัดไม่ว่าจะเป็นการบำบัดโดยตรง หรือผ่านขั้นตอนการปรับปรุงคุณภาพน้ำสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายทาง เช่น การรดน้ำต้นไม้ในเมือง การใช้น้ำเพื่อการเกษตรการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ให้แก่นิคมอุตสาหกรรมหรือเพื่อการผลิตน้ำใช้ในภาวะขาดแคลนน้ำจืด เป็นการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและทำให้มีน้ำใช้ได้อย่างยั่งยืน</p> วรพต พงษ์พาลี, อภิเสฏฐ์กร สุวรรณสะอาด, มณีรัตน์ เข็มขาว ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/262609 Thu, 06 Nov 2025 00:00:00 +0700 แนวทางการประเมินคุณภาพซอฟต์แวร์สำหรับการประยุกต์ใช้ทางการทหาร: กรณีศึกษาบนระบบซอฟต์แวร์สำหรับการถอดรหัสและแสดงผลข้อมูลเรดาร์ https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/261412 <p class="p1">การประเมินคุณภาพซอฟต์แวร์เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาและรับรองความสามารถของระบบซอฟต์แวร์ให้สอดคล้องกับมาตรฐานและข้อกำหนดเฉพาะทาง โดยเฉพาะสำหรับระบบซอฟต์แวร์ทางทหารที่มีความซับซ้อนสูง และต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย การประเมินคุณภาพที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามที่คาดหวัง และลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการพัฒนาและบำรุงรักษา บทความนี้นำเสนอกรอบการประเมินคุณภาพซอฟต์แวร์ใหม่ในชื่อ Military Software Quality Assessment (MSQA) Framework ซึ่งพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของมาตรฐาน ISO/IEC 25010 พร้อมบูรณาการมาตรฐานสำคัญอื่น ๆ เช่น MIL-STD-498 MIL-STD-882 MIL-STD-1397C MIL-STD-810 MIL-STD-461 ISO/IEC 12207 ISO/IEC15504 และ ISO/IEC27001 เพื่อเพิ่มความครอบคลุมและเหมาะสมกับการใช้งานในบริบททางทหาร บทความยังนำเสนอกรณีศึกษาการพัฒนาระบบแสดงผลเรดาร์ของกองทัพบกไทย เพื่อแสดงการประยุกต์ใช้ MSQA ในการประเมินและปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์จริงอย่างเป็นระบบ</p> สุทธิชัย รอดแก้ว, ภูจนา ปาลิยะวรรณ, กิ่งกาญจน์ สุขคณาภิบาล, วรวัฒน์ เชิญสวัสดิ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/261412 Thu, 06 Nov 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ในกองทัพไทย : ความท้าทายและโอกาส https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/257261 <p style="font-weight: 400;">บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ การพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ในกองทัพต่างประเทศ และวิเคราะห์ความท้าทายและโอกาสในการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้ในกองทัพไทย ผลการศึกษาพบว่า ประเทศมหาอำนาจทางการทหารให้ความสำคัญกับการพัฒนาหุ่นยนต์ทางทหารอย่างต่อเนื่อง และมีการนำหุ่นยนต์ไปใช้ในภารกิจที่หลากหลาย ขณะที่กองทัพไทยอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและประยุกต์ใช้หุ่นยนต์ในกิจการทางทหารโดยมีความท้าทายด้านงบประมาณ เทคโนโลยี และความพร้อมของบุคลากร อย่างไรก็ตามกองทัพไทยมีความพยายามผลักดันการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ ผ่านความร่วมมือกับสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัย รวมถึงการจัดหาหุ่นยนต์จากต่างประเทศ การศึกษานี้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการส่งเสริมการพัฒนาและการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์ในกองทัพไทย ได้แก่ การกำหนดนโยบายและแผนแม่บทที่ชัดเจน การจัดสรรงบประมาณ การส่งเสริมความร่วมมือกับภาคการศึกษา และอุตสาหกรรม การพัฒนาบุคลากร และการจัดตั้งหน่วยงานกลาง ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพไทย ลดการสูญเสียกำลังพลและวางรากฐานของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในระยะยาว</p> ธัญวารีย์ อมรภูวดล, อรณิชา คงวุฒิ, พัฒน์ศรัญย์ เลาหไพบูลย์, วุฒิรงค์ คงวุฒิ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/crma-journal/article/view/257261 Thu, 06 Nov 2025 00:00:00 +0700